นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 เปิดเผยความคืบหน้าภารกิจส่งลูกช้างป่าห้วยขาแข้งพลัดหลงกลับเข้าโขลงแม่ ว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา มีช้างโคลงแม่ส่งช้างตัวผู้มารับลูกช้างป่า โดยเดินเข้ามาหาลูกช้างที่คอกเตรียมปล่อยบริเวณหอต้นผึ้ง แล้วเอางวงมาสัมผัสกับตัวลูกช้าง แต่ลูกช้างไม่ยอมเดินตามกลับเข้าป่า
จากนั้นวันที่ 18 ส.ค. เวลาประมาณ 19.30 น. มีเสียงของโขลงช้างดังมาโดยรอบของคอกเตรียมปล่อย เมื่อลูกช้างได้ยินเสียงร้อง ก็มีพฤติกรรมหางชี้ ชูงวง วิ่งวนรอบคอก จนเวลา 20.26 น. มีฝูงช้างป่า 14 ตัว ซึ่งมีลูกช้าง 2 ตัวอายุใกล้เคียงกับลูกช้างพลัดหลง เข้ามาใช้พื้นที่ลานหญ้าบริเวณหอต้นผึ้งทางด้านฝั่งตะวันตก ส่วนลูกช้างพลัดหลงแสดงพฤติกรรมเดินวนไปมาบริเวณคอก โดยโขลงช้างอยู่ห่างจากคอกประมาณ 80 เมตร
กระทั่งเวลา 03.40 น. ช้างพี่เลี้ยง 1 ตัวและแม่ช้าง 3 ตัว เข้าใกล้บริเวณคอกอีกครั้งและเข้าใกล้ตัวลูกช้างพลัดหลง โดยเอาตัวถูไม้ไผ่ข้างคอกเพื่อทำความคุ้นเคยกับลูกช้างและต้อนลูกช้างให้เข้าบริเวณมุมคอก โดยช้างพี่เลี้ยงได้เอางวงตวัดที่ขาของลูกช้างและพยายามจะดึงไว้ เพื่อชวนให้กลับเข้าฝูง แต่ลูกช้างเดินหนี มีท่าทีปฏิเสธและหลบอยู่หลังต้นไม้ โดยโขลงช้างอยู่หน้าบริเวณคอกนาน 20 นาที ก่อนเดินกลับเข้าไปในป่า
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สั่งการให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) ดูแลสุขภาพของลูกช้างให้แข็งแรงสมบูรณ์ และหาวิธีปล่อยลูกช้างคืนป่าให้สำเร็จอย่างปลอดภัยและเป็นไปตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งให้ทบทวนปรับปรุงข้อปฏิบัติที่เป็นสาเหตุให้การส่งลูกช้างคืนโขลงในช่วงที่ผ่านมาไม่สำเร็จ