“ประวิตร” ลงพื้นที่ระยอง กำชับดูแลแรงงานประมง-ปราบค้ามนุษย์

การเมือง
24 ส.ค. 63
11:58
263
Logo Thai PBS
“ประวิตร” ลงพื้นที่ระยอง กำชับดูแลแรงงานประมง-ปราบค้ามนุษย์
ประวิตรลงพื้นที่ระยอง เร่งแก้ปัญหาประมง ทั้งแรงงาน และเรือที่ต้องการออกนอกระบบ รวมทั้งปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การค้าประเวณีเด็ก

วันนี้ (24 ส.ค.2563) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ดูงานและมอบนโยบายที่ศาลากลางจังหวัดระยอง อ่างเก็บน้ำดอกกราย มูลนิธิสถาบันพระมหาชนก ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาคตะวันออก

เวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตรเป็นประธานประชุมมอบนโยบาย ที่ศาลากลางจังหวัดระยอง พร้อมด้วย รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมช.แรงงาน ปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ ระยอง และหัวหน้าส่วนราชการ

พล.อ.ประวิตรกล่าวในการมอบนโยบายว่า การแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย การบังคับใช้แรงงานในภาคประมง และปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่จ.ระยอง ดีขึ้น ขอเน้นย้ำการปฏิบัติเพิ่มเติม

นโยบายการประมงแห่งชาติให้ตรวจสอบการเข้า-ออก ท่าเทียบเรือของเรือประมงก่อนและหลังการทำประมง เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบความถูกต้องของเรือ คนประจำเรือ เครื่องมือการทำประมง สัตว์น้ำ ที่ได้จากการทำประมง และเอกสารต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า เป็นการทำประมงถูกกฎหมาย

ด้านการตรวจสอบแรงงานในภาคประมง ขอให้ตรวจตราไม่ให้มีการรับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยไม่ผ่านมาตรการคัดกรอง ในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้และการตรวจเชื้อไวรัส COVID-19 เข้าทำงานอย่างเด็ดขาด

พร้อมให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ ต่อชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล ซึ่งผมได้เร่งรัดให้การเยียวยา ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง รวมถึงให้ใช้กลไกการทำงานของ ศรชล. จังหวัด ตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนภารกิจ ในการตรวจสอบประวัติเรือและเจ้าของเรือ ประเมินราคา ทำลายและจ่ายค่าชดเชยเรือประมง เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการนำเรือออกนอกระบบฯ ตามนโยบายของรัฐบาล ระยะที่ 1 จำนวน 305 ลำ ให้กรมประมง และกรมเจ้าท่าเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้

สำหรับส่วนที่เหลือ 263 ลำ ให้เร่งป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้สะกัดกั้นการลักลอบพาคนต่างด้าว เข้าเมืองของขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งทางน้ำและทางบก โดยห้ามมิให้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วน รู้เห็นกับขบวนการนำพาและนักค้ามนุษย์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด

ในด้านทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ให้บูรณาการแผนงานและมาตรการระหว่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ในทรัพยากรที่เป็นสาธารณะ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ป่าไม้ ป่าชายเลน มิให้มีการบุกรุก การถือครอง และใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า พบว่ามีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือ ในการกระทำผิดของขบวนการค้ามนุษย์ เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่อเด็กและเยาวชนเพิ่มมากขึ้น ขอให้เพิ่มความเข้มข้นในการสืบสวนปราบปรามบนสื่อสังคมออนไลน์

ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มความสามารถ มีการบูรณาการภารกิจระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงในทุกมิติ และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนในรูปแบบจิตอาสา อาสาสมัคร และเครือข่ายภาคประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง