วันนี้ (15 ต.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าการติดตามสถานการณ์การชุมนุม โดย พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า มีการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.2563 เป็นต้นมา โดยมีการดำเนินคดีและจับกุมตัวแกนนำ และผู้ชุมนุมรวม 22 คน ซึ่ง 4 คน เป็นการจับตามหมายจับ แบ่งเป็นศาลจังหวัดธัญบุรี 2 คน และศาลจังหวัดเชียงใหม่ 2 คน ผิดมาตรา 116 ส่วนผู้ชุมนุม 18 คน ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า โดยนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.)

ส่วนการชุมนุมเมื่อช่วงบ่ายจนถึงขณะนี้ มีการประกาศให้ยุติชุมนุมเวลา 22.00 น. พบว่า ขณะนี้มีผู้ชุมนุมเริ่มทยอยออกจากพื้นที่แล้ว แต่ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมวันนี้ถือว่ากระทำผิดกฎหมายแล้ว โดยทีมประชาสัมพันธ์ได้เตือนไปในช่วงเช้าแล้ว เชื่อว่าผู้ที่มาชุมนุมรับทราบแล้วว่าเรื่องใดทำได้ หรือทำไม่ได้ ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงก่อนประกาศยุติชุมนุม ตำรวจคำนวณและคาดการณ์ตามสภาพทางกายภาพในพื้นที่ชุมนุมตัวเลขประมาณกว่า 10,000 คน
พบพังรั้ว-ปิดกล้องซีซีทีวี
การดำเนินคดีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนในการรวบรวมหลักฐาน ขณะนี้อยู่ในกระบวนการเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่ทั้งหมด เช่น มีการพังรั้วสกายวอร์ค นำประกาศติดกล้องซีซีทีวี ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้
ส่วนการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทำให้เกิดความไม่สงบตามที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน กทม. ย้ำไม่ได้หมายถึงสื่อใดสื่อหนึ่ง แต่เป็นผู้ใดก็แล้วแต่ที่เสนอข้อมูลเป็นเท็จ บิดเบือน ยุยง ปลุกปั่น ล้วนผิดต่อข้อบัญญัติ จะมีการดำเนินคดีในอนาคต พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้ว
ร่วมชุมนุมผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ระบุว่า การดำเนินการในวันนี้ กอง บช.น. นำกำลัง 15 กองร้อยไปที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บริเวณสกายวอร์คและบีทีเอส, ราชประสงค์ซีกขวา และถนนราชดำริซีกซ้าย โดยวางกำลังรักษาพื้นที่ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ภาพรวมสามารถรักษาสถานการณ์ได้เรียบร้อยด้วยดี พร้อมฝากเตือนประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงว่า การมาร่วมชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไป ถือเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคน เพราะตำรวจมีทีมงานบันทึกภาพและเสียงทุกคน

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ย้ำว่า ข้อห้ามการนำรถบรรทุกต่าง ๆ ที่มีประกาศห้ามเข้ามาในเขตพื้นที่ ทั้งรถบรรทุกน้ำ บรรทุกอาหาร รถเครื่องขยายเสียง วันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคนเช่นเดียวกัน
เตือนผู้ร่วมชุมนุมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนว่าการมาร่วมชุมนุมอาจมีผลกระทบในอนาคต กรณีที่จะถูกดำเนินคดีหรือมีประวัติ เมื่อไปสมัครงาน หรือทำธุรกิจบางอย่างอาจไม่สามารถทำได้
ดำเนินคดี "แกนนำ" ทำผิดซ้ำ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับกุมแกนนำหรือไม่ รอง โฆษก ตร. ระบุว่า หลังแกนนำประกาศยุติชุมนุมเวลา 22.00 น. เริ่มมีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางกลับและบางส่วนยังอยู่ในพื้นที่ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ย้ำว่าทุกคนที่มาชุมนุมถือว่ากระทำผิดกฎหมายแล้ว แต่การดำเนินการขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ส่วนแกนนำอาจจะมีความผิดเพิ่มขึ้นมา โดยการชุมนุมตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ แกนนำ และผู้มาชุมนุม โดยแกนนำจะมีความผิดฐานยุยง ปลุกปั่น ชักชวนให้ผู้อื่นมากระทำความผิด เป็นการกระทำผิดซ้ำ ๆ ดังนั้นจะมีการดำเนินดคีแน่นอน แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมในการใช้กฎหมาย ขณะที่การนัดชุมนุมในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ตำรวจไม่เคยอนุญาตให้ชุมนุม และไม่เคยระบุว่าสามารถชุมนุมได้ อีกทั้งมีประกาศข้อกำหนด หรือคำสั่ง เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ดังนั้นการกระทำที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากสิ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้ ก็ถือว่าฝ่าฝืน
ยันปล่อยตัวต้องมีขั้นตอน
ประเด็นการชุมนุมกดดันหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ปล่อยตัวแกนนำนั้น รองโฆษก ตร. ระบุว่า การปล่อยตัวมีขั้นตอน ซึ่งการควบคุมตัวบางส่วนอยู่ในอำนาจตำรวจ เมื่อจะหมดเวลาควบคุมตามกฎหมายก็ไปขออำนาจศาลฝากขังเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ขณะนี้แกนนำมีการประกาศให้ผู้ชุมนุมกลับบ้านแล้ว แต่ตำรวจยังพบกลุ่มคนที่มากดดันบริเวณดังกล่าว ถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎหมายและกระทำความผิด
การมาชุมนุมเกินกว่า 5 คนขึ้นไปผิดอยู่แล้ว การสกัดกั้นก็เป็นมาตรการทั่วไป โดยดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายอยู่แล้ว
รองโฆษก ตร. ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ถูกจับกุมตัว รวมทั้งกรณีศาลออกหมายจับนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง