วันนี้ (20 ต.ค.2563) เฟซบุ๊ก Dr.Samart Ratchapolsitte ของนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวการปิดรถไฟฟ้าช่วงมีการชุมนุมว่าปิดรถไฟฟ้า! "คนหาย-รายได้หด" เท่าไหร่? ถ้าอยากรู้ว่าในช่วงที่มีการสั่งปิดรถไฟฟ้า ผู้โดยสารรถไฟฟ้าลดลงมากมั้ย และรายได้จากค่าโดยสารลดลงเท่าไหร่ หาคำตอบได้จากบทความนี้
หลังจากกลุ่มเยาวชนปลดแอกได้จัดชุมนุมกันที่แยกราชประสงค์เมื่อเย็นวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ไปร่วมชุมนุมกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากเขาสามารถเดินทางเข้าออกแยกราชประสงค์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยรถไฟฟ้า ทำให้สถานที่นัดหมายตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า จึงเป็นที่ปรารถนาของกลุ่มเยาวชนปลดแอก
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการนัดหมายให้ไปชุมนุมกันที่แยกราชประสงค์อีกในวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ตำรวจได้บล็อกพื้นที่ไว้ก่อนถึงเวลานัดหมาย ทำให้กลุ่มเยาวชนปลดแอก ต้องเปลี่ยนสถานที่นัดหมายไปที่แยกปทุมวัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถเดินทางเข้าออกได้โดยสะดวกรวดเร็วด้วยรถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน ส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก
อ่านข่าวเพิ่ม "บีทีเอส" งดรับ-ส่งสถานีชิดลม และราชดำริ

ดังนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงจึงสั่งปิดการใช้รถไฟฟ้า โดยอ้างว่าเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน ทั้งนี้ ได้มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบางสถานีในบางช่วงเวลาทันทีที่รู้สถานที่นัดหมายของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ประกาศเชิญชวนผ่านเพจด้วยข้อความที่น่าติดตาม อาทิ
"วันนี้ภายในเวลา 15.00 น. ขอให้ทุกคนเตรียมตัวประจำที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง"
"15.00 น. โปรดเตรียมตัวให้พร้อมที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานีใกล้คุณ วันนี้จะไปไหนดีน้าาาาา"
"วันนี้ประมาณบ่ายๆ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปไหนดีน้าา วันนี้อยากไปไหนกัน"
ผมได้รับข้อมูลมาว่าการสั่งปิดรถไฟฟ้าทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงโดยเปรียบเทียบกับวันเดียวกันของสัปดาห์ก่อนหน้าเป็นตัวเลขกลมๆ ดังนี้
1. วันศุกร์ที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสถานีราชดำริ สถานีชิดลม สถานีสยาม สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีราชเทวี และสั่งปิดรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสถานีสามย่าน ทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงดังนี้
- ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 50,000 คน
- ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีเพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 คน เหตุที่เพิ่มขึ้นก็เพราะว่าผู้โดยสารเปลี่ยนมาใช้เอ็มอาร์ทีแทนบีทีเอสที่ถูกปิดหลายสถานี ในขณะที่เอ็มอาร์ทีถูกปิดเพียงสถานีเดียวเท่านั้น

2. วันเสาร์ที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีทุกสถานี ทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงดังนี้
- ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 250,000 คน
- ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีลดลงประมาณ 150,000 คน
3. วันอาทิตย์ที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพหลโยธิน 24 สถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีหมอชิต สถานีอารีย์ สถานีสนามเป้า สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีพญาไท สถานีราชเทวี สถานีอโศก สถานีอุดมสุข สถานีบางนา สถานีช่องนนทรี สถานีสุรศักดิ์ สถานีกรุงธนบุรี และสถานีวงเวียนใหญ่ และสั่งปิดรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสถานีหัวลำโพง สถานีลุมพินี สถานีสุขุมวิท สถานีพหลโยธิน และสถานีจตุจักร ทำให้จำนวนผู้โดยสารเปลี่ยนแปลงดังนี้
- ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 150,000 คน
- ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีลดลง 80,000 คน

4. วันจันทร์ที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีกรมป่าไม้ สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถานีเสนานิคม ทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงประมาณ 85,000 คน ไม่มีการสั่งปิดรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที
พบว่าผู้โดยสารลดลงในช่วงที่สั่งปิดรถไฟฟ้าบางสถานี และบางช่วงเวลาระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 757,000 คน ประเมินพบว่าค่าโดยสารเฉลี่ยเท่ากับ 30 บาทต่อคน ดังนั้นรายได้จากค่าโดยสารลดลงประมาณ 22.71 ล้านบาท
สำหรับจำนวนเงิน 22.71 ล้านบาท ไม่เป็นภาระหนักของรัฐที่จะต้องชดเชยให้เอกชนที่รับสัมปทาน แต่เป็นภาระหนักของรัฐที่จะต้องชี้แจงให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเข้าใจว่าเหตุใดรัฐ จึงสั่งให้ปิดรถไฟฟ้าจนทำให้เขาเดือดร้อน ต้องเสียทั้งเงินและเวลาเพิ่มขึ้น เนื่องจากแม้ว่ารัฐได้สั่งให้ปิดรถไฟฟ้าแล้วก็ตาม แต่ผู้เข้าร่วมชุมนุมก็ยังคงมีมากอยู่ดี
ดังนั้น รัฐควรทบทวนว่าการสั่งปิดรถไฟฟ้าเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสมหรือไม่?
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รวมข้อมูลคมนาคม งดให้บริการอะไรในวันชุมนุม
BTS ปิดให้บริการชั่วคราวทุกสถานี 17 ต.ค.