ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สส.รีพับลิกันเสนอ "ขึ้นบัญชีดำกัมพูชา" คว่ำบาตรเครือข่ายฮุนเซน

ต่างประเทศ
21:11
171
สส.รีพับลิกันเสนอ "ขึ้นบัญชีดำกัมพูชา" คว่ำบาตรเครือข่ายฮุนเซน
นานาชาติยกระดับกดดันกัมพูชาให้เร่งปราบขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในประเทศ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวฝั่งสหรัฐฯ ที่มีการเสนอร่างกฎหมายขึ้นบัญชีดำกัมพูช และคว่ำบาตรคนใกล้ชิดฮุนเซน

วันนี้ (16 ต.ค.2568) The Cambodia Daily สื่อกัมพูชา รายงานว่า สส.จากพรรครีพิบลิกัน 3 คน เสนอญัตติร่างกฎหมายเรียกร้องให้ขึ้นบัญชีดำกัมพูชา จากกรณีถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งเสนอให้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ภาครัฐของกัมพูชาและผู้บริหารทางธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

รายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอคว่ำบาตรมีทั้งคนใกล้ชิด คนที่มีสายสมพันธ์ทางครอบครัว หรือความภักดีทางการเมืองต่อสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีทั้ง "เนตร สะเวือน" ญาติของฮุน เซน รวมไปถึง "ฮุน โต" หลานชายของฮุน เซน หรือคนใกล้ชิดอย่าง "ก๊ก อาน" และ "เบนจามิน เมาเออร์แบร์เกอร์" หรือ "เบน สมิธ" ชาวแอฟริกาใต้

ญัตตินี้ยังเสนอคว่ำบาตรบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ รวมถึง "ฮุยวัน กรุ๊ป" ที่บริหารงานโดย "ฮุน โต" รวมถึงบริษัทกัมพูชาหลายแห่งที่สมคบคิดกับบริษัทจีน

รายงานข่าว ระบุว่า ญัตติที่ยื่นต่อคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ มีเป้าหมายจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ในการทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ปฏิบัติการทางออนไลน์ในกัมพูชา และพุ่งเป้าเล่นงานชาวอเมริกันผ่านการหลอกลวงและอุบายผิดกฎหมายอื่น ๆ

เนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ระบุว่า ช่วงโควิด-19 ระบาด เป็นช่วงที่องค์กรอาชญากรรมจีน ซึ่งเคลื่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หันมาใช้กลโกงทางการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหลอกลงทุน สกุลเงินดิจิทัลออนไลน์

กลโกง "เชือดหมู" เป็นรูปแบบการหลอกลวงที่พบมากที่สุด ใช้วิธีหลอกเหยื่อผ่านความสัมพันธ์ออนไลน์ ก่อนชักชวนให้ลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม โน้มน้าวให้ลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับหลอกให้หมูอยู่ดีกินดี จนอ้วนสมบูรณ์ ก่อนนำไปเชือด

ฐานปฏิบัติการหลอกลวงดังกล่าวพบบ่อยที่สุดในเมียนมา ลาวและกัมพูชา มักดำเนินการในลักษณะการร่วมทุน ระหว่างองค์กรอาชญากรรมจีนและรัฐบาลเผด็จการ โดยนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ขบวนการเหล่านี้พุ่งเป้าโจมตีชาวอเมริกันมากขึ้น ทำให้เหยื่อสูญเสียเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต

คาดสแกมเมอร์สร้างความเสียหายทั่วโลก 1.9 ล้านล้านบาท

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่า ปี 2567 เพียงปีเดียว ชาวอเมริกันสูญเงินให้กับสแกมเมอร์ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 320,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ความเสียหายทั่วโลกจากขบวนการเหล่านี้คาดว่าสูงกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือมากกว่า 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้

ความสูญเสียมหาศาลขนาดนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสหรัฐฯ เดินเกมปราบสแกมมอร์ข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการยื่นฟ้องริบทรัพย์ "เฉิน จื้อ" ผู้ก่อตั้งและประธาน "ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป" กลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกัมพูชา และยังจับมือกับอังกฤษดำเนินมาตรการเข้มข้น

ด้านกัมพูชา ยืนยันว่า "ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป" ทำธุรกิจในกัมพูชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหวังว่าสหรัฐฯ และอังกฤษจะมีหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทนี้

ขณะที่เอริน เวสต์ ผู้ก่อตั้งและประธาน Operation Shamrock ซึ่งเป็นองค์กรสร้างการตระหนักรู้และช่วยเหลือเหยื่อสแกมเมอร์ มองว่า การเคลื่อนไหวของทางการสหรัฐฯ ในการจัดการกับขบวนอาชญากรรมเหล่านี้ ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะการฟ้อง "เฉิน จื้อ" อาชญากรตัวเป้งที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำอันเลวร้ายมากมายและหลอกเงินของผู้คนทั่วโลก

ทีมวิจัยอิสระ Cyber Scam Monitor ซึ่งติดตามและเก็บข้อมูลปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดทำแผนที่ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีศูนย์สแกมเมอร์และกาสิโนเปิดกระจายอยู่ตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกัมพูชา รวม ๆ แล้วมีไม่ต่ำกว่า 256 แห่ง

ทีมวิจัยชุดนี้รวบรวมข้อมูลโดยอาศัยการให้สัมภาษณ์ของอดีตพนักงานในศูนย์สแกมเมอร์ การสำรวจภาคสนามและรายงานข่าวของสื่อต่าง ๆ ซึ่งตัวเลข 256 มากกว่าตัวเลขในรายงานของ Amnesty International เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมากว่า 4 เท่า แต่ข้อมูลล่าสุดของทางการเกาหลีใต้กำลังทำให้หลายฝ่ายกังวลมากขึ้น

สแกมเมอร์กัมพูชาเริ่มย้ายฐานหนีการกวาดล้าง

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ "จุงอัง อิลโบ" ระบุว่า ตำรวจเกาหลีใต้สงสัยว่ากลุ่มอาชญากรในกัมพูชาเริ่มย้ายฐานปฏิบัติการ หลังปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่สีหนุวิลล์ ซึ่งถูกระบุถึงอย่างชัดเจนในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ ปี 2568 ทำให้กลุ่มต่าง ๆ ต้องเริ่มเตรียมการอพยพเป็นการเร่งด่วน

ในบางจุด มีรายงานว่าเริ่มมีการเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ และอาจรวมถึงการติดสินบนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในสถานที่ตั้งแห่งใหม่ เพื่อเตรียมการล่วงหน้าด้วย แต่ขบวนการเหล่านี้จะย้ายไปอยู่ที่ไหน

มองคร่าวๆ อาจมี 3 ทางเลือก โดยทางเลือกแรกคือ การย้ายกลับไปอยู่ที่ศูนย์สแกมเมอร์เดิม ซึ่งเคยหนีออกมาระหว่างการปราบปรามก่อนหน้านี้ รวมถึงในประเทศอื่น ๆ เช่น เมียนมา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอาจยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและอาจมีเครือข่ายเดิมที่ติดต่อกันอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้พบว่าศูนย์สแกมเมอร์เริ่มกลับมาเปิดเพิ่มมากขึ้นในเมืองเมียวดีของเมียนมา แม้จะถูกปราบปรามอย่างหนักเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้ของการย้ายฐานปฏิบัติการไปตั้งบนเกาะกลางทะเลของกัมพูชา ซึ่งจะทำให้การติดตามและตรวจสอบทำได้ยาก อีกทั้งยังมีเส้นสายของเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่

ส่วนอีกหนึ่งความเป็นไปได้คือที่ ติมอร์-เลสเต หลังจากรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เตือนว่า ติมอร์-เลสเต กำลังกลายเป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์แห่งใหม่ของอาเซียน โดยรายงานฉบับนี้ระบุว่าเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติแทรกซึมเข้าไปปฏิบัติการในเขตบริหารพิเศษ "โอคุซซี-แอมบีโน" ผ่านโครงการลงทุนจากต่างชาติ

กรณีที่ทางการของหลายประเทศเร่งเดินหน้ากดดันกัมพูชาอย่างหนักในระยะนี้ ทำให้เห็นภาพของฝูงผึ้งที่กำลังแตกรังได้ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการย้ายรังสแกมเมอร์หนีเพื่อรอให้คลื่นสงบ ก่อนออกปฏิบัติการหาเหยื่อรายใหม่ต่อไป

อ่านข่าว

"ฮุน มาเนต" ลั่นกัมพูชาร่วมมือเกาหลีปราบสแกมเมอร์ ไม่ต้องพึ่งเพื่อนบ้าน

นายกฯ ต่อสายคุย ปธน.เกาหลีใต้ ยันไทยพร้อมร่วมมือปรามสแกมเมอร์

กัมพูชาเรียกร้อง "สหรัฐฯ-สหราชอาณาจักร" ดำเนินคดี "เฉินจื้อ" อย่างเป็นธรรม

2 ชาวเกาหลีใต้ เล่านาทีถูกแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชาทารุณกรรมอย่างไร้มนุษยธรรม