วันนี้ (10 พ.ย.2563) โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้ง COVID-19 ให้ได้ พร้อมทั้งขอร้องให้ชาวอเมริกันหันมาสวมหน้ากาก และย้ำว่าหน้ากากอนามัยไม่ใช่เครื่องมือหรือเป็นประเด็นทางการเมือง หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเป็นต้นมา โดยในรอบ 7 วัน จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 120,000 คน ถึง 3 วัน

วิกฤตที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ ตรงตามคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญก่อนหน้า ซึ่งย้ำด้วยว่า ยิ่งต้องเฝ้าระวังกันต่อไปในฤดูหนาวที่จะกำลังจะมาถึง ไม่อย่างนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายลง โดยเฉพาะเมื่อถึงวันที่ไบเดนต้องเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ความท้าทายสำคัญที่รอดักหน้าไบเดนอยู่นี้ ทำให้ไบเดนตั้งคณะที่ปรึกษาสำหรับการเปลี่ยนผ่านอำนาจเพื่อรับมือ COVID-19 ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะทำเป็นอันดับแรก โดยประกาศรายชื่อออกมาแล้วส่วนหนึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา

คนแรกคือ Vivek Murthy แพทย์อายุรศาสตร์ อดีตเจ้ากรมการแพทย์ทหาร สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เขาเป็นผู้เคลื่อนไหวเพื่อเตือนถึงอันตรายจากการจ่ายยาแก้ปวดพร่ำเพรื่อของแพทย์และทำให้สาธารณชนเห็นถึงความร้ายแรงของปัญหาสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้า
คนต่อมา David A. Kessler อดีตผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ผู้อยู่เบื้องหลังการริเริ่มแสดงตารางข้อมูลโภชนาการบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร และยังมี Rick Bright ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและภูมิคุ้มกันในรัฐบาลทรัมป์ ที่เคยออกมาเปิดเผยว่า คำเตือนของเขาเกี่ยวกับ COVID-19 ไม่ได้รับความสนใจและยังเตือนถึงอันตรายของไฮดรอกซีคลอโรควิน ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางของทรัมป์ จนถูกปลดฟ้าผ่าเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

ผู้ที่มีบทบาทสำคัญอีกคนคือ Zeke Emanuel แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งและชีวจริยธรรม เคยเป็นที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขในสมัยโอบามา ช่วยร่างกฎหมายประกันสุขภาพโอบามาแคร์ และเป็นที่ปรึกษาระหว่างการรณรงค์หาเสียงของไบเดนด้วย และทีมนี้ยังมี Luciana Borio ซึ่งเคยทำงานในสำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา มีส่วนในการรับมือไวรัส H1N1 อีโบลาและซิกาอีกด้วย ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคณะที่ปรึกษาเท่านั้น โดยไบเดน ระบุว่า คณะที่ปรึกษาจะมีทั้งหมด 12 คนด้วยกัน
ขณะนี้เห็นได้ชัดว่า ไบเดนเริ่มลุยงานแล้ว จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า ทรัมป์ทำอะไรอยู่ เพราะยังไม่หมดวาระการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จนกว่าจะถึงวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งสื่อหลายสำนักใช้คำว่า ทรัมป์ยังอยู่ในช่วงไม่ยอมรับความจริงว่าแพ้การเลือกตั้งและทีมหาเสียงของทรัมป์ก็กำลังเตรียมกลยุทธ์เชิงรุกอยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม แผนของทรัมป์ไม่ได้มีการจัดการ COVID-19 อยู่เพราะสิ่งที่เขาจะทำนอกจากปฏิเสธไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ยังมีแผนออกตระเวนปราศรัย เพื่อตอกย้ำว่าถูกไบเดนขโมยเอาตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ไป เป็นท่าทีที่เรียกเสียงวิจารณ์ได้อย่างมากและเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้คนมองเห็นว่า ทรัมป์กำลังทำเพื่อตัวเองมากกว่าส่วนรวม
แท็กที่เกี่ยวข้อง: