เมื่อ 2 ปีที่แล้ว สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เคยชี้แจงวัตถุประสงค์กฎหมายใหม่ หลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ปี 2560
ในคำชี้แจงเรื่อง การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระบุถึงการรวมทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เข้าด้วยกัน "ทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์จะต้องกลับคืนมาอยู่ในความเป็นเจ้าของและการดูแลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อที่จะทรงจัดการทรัพย์สินนั้นตามพระราชอัธยาศัยต่อไป สำหรับทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ใดที่เดิมเป็นชื่อของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เช่น การมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด จึงต้องเปลี่ยนเป็นพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GotZCi9iGti1jdLF31wNI4ZIvL.jpg)
เหตุผลหนึ่งที่เปลี่ยนชื่อความเป็นเจ้าของของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "เพื่อให้ทรัพย์สินนั้นอยู่ในบังคับของกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร และต้องมีภาระเสียภาษีอากรเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป อันเป็นการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์"
เอกสารดังกล่าวระบุอีกว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสวนพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบูรพมหามหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ได้ทรงสร้างคุณูปการให้แก่ประเทศไทย ด้วยการก่อตั้งกิจการต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศไทยมีฐานะมั่นคงสามารถดำเนินกิจการด้วยคนไทยและแข่งขันกับต่างประเทศได้ เช่น กิจการธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งพัฒนาขึ้นจาก บริษัท แบงก์สยามกัมมาจลทุนจำกัด"
หลังจากกฎหมายจัดระเบียบทรัพย์สินฯ ใหม่ ประกาศใช้ รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด ได้เปลี่ยนตามคำชี้แจงของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GotZCi9iGti1ji3F4mfkcjCCCr.jpg)
เอกสารชี้แจงของสำนักงานทรัพย์สินฯ ระบุว่า "การใช้พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการที่เดิมใช้ชื่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำให้ทรงสามารถมอบหมายข้าราชบริพารหรือผู้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทดูแลกิจการต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้กิจการเหล่านี้ดำเนินการอยู่ในกรอบการบริหารกิจการที่ดีตามพระราชประสงค์"
ขณะที่คณะกรรมการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ได้เปลี่ยนตามกฎหมายใหม่ ได้แก่ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานกรรมการและผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์, นายเกษม วัฒนชัย กรรมการ, นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร กรรมการ, พ.ท.สมชาย กาญจนมณี กรรมการ, พ.ต.อ.ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม กรรมการ, พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย กรรมการ, พล.อ.จักรภพ ภูริเดช กรรมการ, พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต กรรมการ, พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ กรรมการ, นายอำพน กิตติอำพน กรรมการ และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ กรรมการ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GotZCi9iGti1jhUZPg4M9cv8ex.jpg)
ในปี 2561 รัฐบาล คสช. ออก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งตัดคำว่า "ฝ่าย" ออกไป แต่สาระสำคัญใกล้เคียงกับฉบับเดิม คือ รวมทรัพย์สินเรียกว่า "ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์"
ผลอีกด้านหนึ่งของการแก้ไขกฎหมาย คือ การพระราชทานโฉนดที่ดินจำนวนมากให้กับหน่วยงานราชการ เช่น พระราชทานโฉนดที่ดินให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ก่อนหน้านี้ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ 2491 ที่ใช้มาอย่างยาวนาน แยกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ หรือทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วก่อนเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ, ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ซึ่งใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เช่น พระราชวัง และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือทรัพย์สินนอกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติ คือ ที่ดิน เงินลงทุนในบริษัทต่าง ๆ
เมื่อเปรียบเทียบ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฯ 2491 กับ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฯ 2561 จะคงเหลือแค่ทรัพย์สินในพระองค์กับทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ และทั้ง 2 ส่วนรวมเป็นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งกฎหมายปี 2561 ยังเพิ่มข้อความ "การจัดการ การดูแลผลประโยชน์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย" ขณะที่ปี 2491 ระบุว่าให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ดูแล
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijM8GotZCi9iGti1jkKTFNZIdNWzYQ.jpg)
นอกจากนี้ กฎหมายปี 2491 ระบุว่า ทรัพย์สินส่วนพระองค์ต้องเสียภาษี ยกเว้นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่วนปี 2561 ระบุว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย อีกหนึ่งข้อแตกต่าง คือ กฎหมายปี 2491 ระบุว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยตำแหน่ง ขณะที่ปี 2561 ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งทั้งหมดตามพระราชอัธยาศัย
ข้อถกเถียงขณะนี้ คือ การใช้กฎหมายจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ใหม่ ที่รวมทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หรือควรใช้ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ปี 2491 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับเดิมที่ใช้ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ย้อนประวัติศาสตร์-ข้อถกเถียง "ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์"