วันนี้ (29 พ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ ใช้เครื่องขยายเสียงแบบพกพา ประชาสัมพันธ์ประชาชนและนักท่องเที่ยวบริเวณถนนคนเดินวัวลาย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อเฝ้าระวังป้องกัน COVID-19 หลังจังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นหญิงอายุ 29 ปี ที่เดินทางกลับจากเมียนมา เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา พบประวัติไปสถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า และโรงภาพยนตร์
นายณัฐชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ระบุว่า ได้เน้นย้ำให้นักท่องเที่ยวและผู้ค้าปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย

ขณะที่นักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือป้องกันโรค ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เข้าแถวรอคิวรับการตรวจวัดอุณภูมิร่างกาย สแกนคิวอาร์โค้ด "ไทยชนะ" และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ บริเวณจุดคัดกรองทางเข้าถนนคนเดินวัวลาย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลายคนบอกว่า มีความมั่นใจในมาตรการป้องกันของเจ้าหน้าที่ และที่สำคัญคือต้องป้องกันตนเองก่อน

17 คน ผลตรวจเป็นลบ
ด้านคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงกรณีหญิงอายุ 29 ปี ติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งเป็นผู้ป่วยคนที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ จากการลงพื้นที่สอบสวนโรค พบผู้สัมผัสทั้งหมด 326 คน เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 105 คน เบื้องต้นทราบผลแล้ว 17 คน ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด
ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการจะต้องกักตัวทุกคน หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันไว้ให้ ขณะนี้มีผู้เข้ากักตัว 5 คน

คุมเข้มชายแดน สกัด COVID-19
ส่วนที่ จ.เชียงราย ทหารกองกำลังผาเมืองเพิ่มกำลัง และความถี่ในการลาดตระเวนป้องกันการลักลอบข้ามแดน หลังพบว่าหญิงผู้ติดเชื้อ COVID-19 ลักลอบเดินทางจากเมียนเข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงราย แต่เบื้องต้นยังไม่แน่ชัดว่าหญิงคนนี้ไปอยู่ในพื้นที่ใดของเมียนมา และเข้ามาในประเทศไทยด้วยช่องทางใด
ล่าสุดนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประสานให้ทุกหน่วยงานดำเนินการสกัดกั้นการเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด เพราะขณะนี้ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่ม 6 คน ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมในจังหวัดท่าขี้เหล็ก 15 คน พร้อมมีคำสั่งให้พ่อค้าแม่ค้าบริเวณหน้าด่านพรมแดนเปิดขายสินค้าได้ถึงเวลา 18.00 น. เพื่อลดความแออัด และประกาศห้ามออกนอกบ้านในจังหวัดท่าขี้เหล็กตั้งแต่ 12.00-04.00 น. จึงทำให้ฝ่ายไทยต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
"Grab" กักตัวดูอาการคนขับรับส่งหญิงติดเชื้อ COVID-19
กรณีหญิงวัย 29 ปีติดเชื้อ COVID-19 ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ใน จ.เชียงใหม่ ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.2563 ได้ติดต่อประสานงานกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยให้ความร่วมมือตรวจสอบข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง เพื่อระบุตัวตนของพาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงผู้ใช้บริการทุกคนที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์คนขับทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว
ขณะนี้พาร์ทเนอร์คนขับที่ให้บริการในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เข้ารับการตรวจเชื้อ COVID-19 ในโรงพยาบาล และอยู่ระหว่างกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ดำเนินการระงับสัญญาณการให้บริการเป็นการชั่วคราวไว้ก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำชับให้ทำตามมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด ส่งเสริมให้ทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสารสวมหน้ากากทุกครั้งในระหว่างการเดินทาง โดยหนึ่งในมาตรการที่เคร่งครัดคือ หากผู้โดยสารพบว่าพาร์ทเนอร์คนขับ “ไม่สวมหน้ากาก” หรือ “มีอาการป่วยหรือไม่สบาย” สามารถยกเลิกบริการได้ทันทีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมการยกเลิก ขณะเดียวกันพาร์ทเนอร์คนขับก็สามารถยกเลิกการรับงานได้เช่นกันหากพบว่าผู้โดยสารไม่สวมหน้ากากหรือมีอาการป่วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เชียงใหม่ผวา! หญิงไทยวัย 29 ปีติด COVID-19 กลับจากเมียนมา
ไทม์ไลน์หญิงเชียงใหม่ติด COVID-19 พบ 326 คนเสี่ยง
แท็กที่เกี่ยวข้อง: