วันนี้ (30 พ.ย.2563) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานแถลงติดตามสถานการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หลังพบหญิงไทยอายุ 26 ปี และ 23 ปี ลักลอบเข้าเมืองติดเชื้อ COVID-19
โดยระบุว่า ขณะนี้แม้ทุกหน่วยงานจะพยายามสกัดกั้นป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ก็ยังมีการลักลอบเข้ามาได้อีก จึงหารือกับทาง ศบค.ขออนุญาตให้คนไทยที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก สามารถกลับมาทางด่านพรมแดนแม่สายได้ โดยไม่ต้องผ่านกระทรวงต่างประเทศ และกักตัว 14 วัน เพื่อลดการลักลอบเข้าเมืองป้องกันการแพร่ระบาด
นอกจากนี้ยังขอให้ทีบีซีฝ่ายไทย ขอความร่วมมือเมียนมาให้ทางไทยสุ่มตรวจเชื้อ COVID-19 คนขับรถตู้บรรทุกสินค้าข้ามพรมแดน หากตรวจพบติดเชื้อให้ฝ่ายเมียนมารับตัวไปรักษา และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประกาศให้ผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองภายใน 1 เดือนที่ผ่านมาให้ปรึกษา อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และโรงพยาบาลแม่สาย ในการตรวจหาเชื้อ
ทั้งนี้ได้ประสานให้ทุกหน่วยงานดำเนินการสกัดกั้นการเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมเพิ่มจำนวนกำลังเจ้าหน้าที่ และความถี่ในการออกลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน อ.แม่สาย ไปจนถึงอ.แม่ฟ้าหลวง ทั้งเวลากลางวันและเวลาคืน อีกทั้งเพิ่มการติดตั้งรั้วลวดหนามในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งเป็นทางธรรมชาติ จุดลับตาคน ไม่ให้บุคคลต่างด้าวเข้ามาได้โดยสะดวก
อ่านข่าวเพิ่ม ด่วน! ผู้ว่าฯ เชียงรายยืนยัน 2 เพื่อนหญิง จ.เชียงใหม่ติด COVID-19

ภาพ:ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
ภาพ:ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
ชี้ลอบพาคนไทยกลับจ่ายหัวละ 3,000 -5,000 บาท
ผู้ว่าฯเชียงราย กล่าวว่า กรณีที่มีการลักลอบเดินทางเข้ามาตามแนวชายแดน ส่วนใหญ่พบว่าเป็นคนไทยที่ได้ข้ามไปทำงานตามสถานบันเทิงในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก แต่เมื่อมีการแพร่ระบาด สถานบันเทิงปิดตัวลง ทำให้ไม่มีงานทำ
ประกอบกับกลัวว่าจะติดเชื้อ จึงได้ลักลอบกลับไทย แต่ตอนขาออกไปโดยผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถกลับมาตามช่องทางปกติได้ เพราะกฎหมายของเมียนมามีโทษถึงจำคุก ทำให้ต้องหลบหนีกลับไทยตามเส้นทางธรรมชาติ หรือติดต่อกับนายหน้าเพื่อพาข้ามพรมแดน
ในส่วนมาตรการของจ.เชียงราย ได้เพิ่มความเข้มงวด และสั่งการให้นายอำเภอ แต่ละอำเภอแจ้งให้ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบบุคคลแปลกหน้า และประชาสัมพันธ์ให้บุคคลที่เดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมา โดยไม่ผ่านการคัดกรองให้มารายงานตัว
เพื่อจะได้เข้าสู่ระบบการตรวจหาเชื้อและคัดกรองโรค เพื่อความปลอดภัยของชุมชน หากปกปิดหรือหลบซ่อนอาจจะเป็นอันตรายต่อครอบคัวของตนเอง และชุมชนได้

ส่วนของขบวนการลักลอบข้ามแดนนั้น ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอดส่องติดตามขบวนการลักลอบข้ามแดน พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นการติดต่อผ่านชาวเมียนมาที่หลบซ่อนอยู่ในฝั่งไทย เพื่อนัดจุดที่จะนำผู้หลบหนีมาส่งให้ และพาไปยังจุดต่างๆ
โดยจะมีการนัดแนะเป็นรายครั้งไม่มีพฤติการณ์ที่ทำเป็นขบวนการ ที่ผ่านมาพบว่ามีการโพสในโซเชียลว่า "สามารถนำพาข้ามพรมแดนได้ ครั้งละ 3,000 -5,000 บาท" เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและโทรไปตามหมายเลขดังกล่าวแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ได้ติดตามพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ และมีข้อมูลบ้างแล้ว อยู่ในขั้นตอนการติดตามจับกุมตามกฎหมาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงเรียน "เชียงใหม่ - เชียงราย" หยุดเรียน ป้อง COVID-19
เปิดไทม์ไลน์หญิง 2 คน จ.เชียงราย ติด COVID-19
แท็กที่เกี่ยวข้อง: