วันนี้ (16 ธ.ค.2563) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยื่นเอกสารถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" หลังพบข้อมูลว่ามีทั้งโรงแรม ร้านค้า และประชาชนบางส่วนมีส่วนร่วมในการทุจริต
6 รูปแบบทุจริต "เราเที่ยวด้วยกัน"
โดยโครงการนี้ พบว่ามีรูปแบบการทุจริต 6 ประเภท คือ 1.การเข้าพักโรงแรมราคาถูก มาเช็คอิน แต่กลับไม่เข้าพัก 2.โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพักอย่างไม่สมเหตุสมผล 3.โรงแรมที่มีตัวตนจริงที่ปิดกิจการไปแล้ว แต่ขายห้องพักให้กับลูกค้า 4.ใช้ส่วนต่างของคูปองร้านอาหาร 5.มีการเข้าพักจริง แต่มีเงินทอนกลับคืนลูกค้า และ 6.ขายห้องพักเกินจำนวนที่มีอยู่
โดยจำนวนที่พบการกระทำผิดมากที่สุด คือการเข้าพักราคาถูก แต่ไม่เข้าพัก และขึ้นราคาห้องพักอย่างไม่สมเหตุสมผล โดยเบื้องต้นมีโรงแรมเข้าข่ายกระทำผิด 312 แห่ง และร้านค้า 202 แห่ง โดยหลังจากนี้จะตรวจสอบและขึ้นบัญชีกับโรงแรม และผู้ประกอบการที่กระทำความผิด โดยจะไม่ให้เข้าร่วมใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการของรัฐในอนาคตที่อาจจะมีเกิดขึ้นอีก ซึ่งการกระทำผิดครั้งนี้ถือว่าเป็นการฉ้อโกงเงินของรัฐ
ตร.ตั้ง กก.สอบ-ให้กองปราบดูแล
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังได้รับข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแล้ว ก็จะดำเนินการตรวจสอบและจะเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมา เบื้องต้น จะส่งให้กองบังคับการปราบปรามรับผิดชอบคดีไว้ก่อน เนื่องจากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นหลายจังหวัดทั่วประเทศ และพบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำรวจมีวิธีในการสืบสวน และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำที่ฉ้อโกงเงินของรัฐ และเป็นโครงการที่ให้กับประชาชน ส่วนผู้ที่กระทำควมผิดทั้งผู้ประกอบการและประชาชนที่รับเงินทอนก็จะมีส่วนถูกดำเนินคดีทั้งหมด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เบรก "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 หลังพบ 312 โรงแรมสงสัยทุจริต
รอลุ้น! 18 พ.ย.นี้ ชงศบศ.ปลดล็อก "เราเที่ยวด้วยกัน"
ส.ว.เชื่อ “เราเที่ยวด้วยกัน” และธุรกิจท่องเที่ยวช่วยเศรษฐกิจฟื้นตัว
แท็กที่เกี่ยวข้อง: