วันนี้ (5 ม.ค.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ COVID-19 กล่าวว่า การประชุมศบค.ชุดใหญ่ มีประเด็นสำคัญเรื่องมาตรการจัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามข้อกำหนดในม.9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีการลงรายละเอียดเพื่อให้คณะกรรมการมีข้อสั่งการและปรับในการปฏิบัติต่างๆเพิ่มเติม จึงนำสู่ข้อสั่งการด่วนที่สุดของกระทรวงมหาดไทย มท.0230/ว.27 ที่ออกโดยปลัดมท.ถึงผู้ว่าฯ ให้มีมาตรการสำหรับทุกพื้นที่ 3 ข้อ คือมาตรการสำหรับทุกพื้นที่สถานการณ์ 1.ประชาชนต้องร่วมมือในการป้องกันโรค กรณีเคยเดินทางเข้าพื้นที่พบผู้ติดเชื้อ และพื้นที่ควบคุมสูงสุดต้องกักตัวเอง 14 วัน
มาตรการสำหรับจังหวัดควบคุมสูงสุด
- ปิดสถานที่เสี่ยง
- ห้ามนั่งบริโภคในร้าน ตั้งแต่ 21.00-06.00 น. โดยห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
- ตรวจคัดกรองเดินทางข้ามจังหวัด หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด กับรอยต่อพื้นที่ควบคุมให้มีการบันทึกข้อมูลและดำเนินการตามมาตรการ สธ. ซึ่งหากเดินทางจากพื้นที่สีแดง ไปสีแดง ก็ต้องมีด่าน ยิ่งพื้นที่สีแดงไปพื้นที่ สีส้มก็ต้องมีด่านที่เข้มข้นมากขึ้น และอาจต้องตั้งด่านระดับหมู่บ้าน
- งดเดินทางข้ามพื้นที่ เว้นแต่เหตุจำเป็นหรือขนส่งสินค้า
- จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม
โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในพื้นที่ 5 จังหวัดที่มีการระบาดอย่างหนัก นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้เสนอให้มีการควบคุมสูงสุดกว่าปกติ คือ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุนี ตราด ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อกำหนดมาตรการเข้มงวดที่เข้มข้นกว่า ซึ่งสามารถออกมาตรการที่เข้มงวดกว่า ศบค.ได้ แต่อ่อนกว่าไม่ได้ เช่น ต้องเข้มงวดเวลาเปิดปิดร้านอาหารมากกว่า ตรวจการเข้าออกพื้นที่มากกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยติดเพิ่มอีก 527 คน-คลัสเตอร์สมุทรสาครเชื้อลาม 45 จังหวัด
ศบค.มท.ขอประชาชนกลับจากพื้นที่เสี่ยงกักตัวเอง 14 วัน