วันนี้ (14 ม.ค.64) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงงบประมาณจัดซื้อวัคซีนไวรัส COVID-19ว่าจะเป็นงบของท้องถิ่นเองที่สามารถทำได้ตามอำนาจหน้าที่ในการจัดซื้อดูแลประชาชน แต่การดำเนินการจัดซื้อวัคซีนต้องผ่านการรับรอง อย. และจะต้องพิจารณาแผนการดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนของรัฐบาลด้วยว่าต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งหากรัฐบาลสามารถดำเนินการเองได้หมดหรือจัดให้สำหรับประชาชนทั้งประเทศ ท้องถิ่นก็ไม่ต้องดำเนินการ
ขณะที่ในช่วงของการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล ที่มีบางพื้นที่นำการจัดซื้อวัคซีนไปเป็นนโยบายหาเสียงจะทำได้หรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ชี้ว่าเป็นอำนาจวินิจฉัยของ กกต.แต่อยากให้มองในแง่ดีว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ดูแลประชาชนและบริหารสาธารณะ เมื่อทำตามอำนาจหน้าที่ก็ย่อมถือว่ามีเจตนาดี ทั้งนี้ดูที่เจตนา
สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาลที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงว่าได้พิจารณาทุกมิติแล้ว ทั้งสถานการณ์แพร่ระบาดพร้อมกับมาตรการป้องกันในการจัดการเลือกตั้งมาแล้ว และไม่เชื่อว่าการจัดการเลือกตั้งจะเป็นเหตุของการแพร่ระบาด COVID-19 จึงมั่นใจในการเดินหน้า โดยไม่เลื่อนหรือขยายวันลงคะแนนเลือกตั้งออกไป แต่ย้ำให้มาตรการหาเสียงไม่ให้มีการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งหากมีสถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรง กกต.ก็ยังมีอำนาจในการสั่งขยายวันลงคะแนนได้
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่อาจมีชื่อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวยืนยันความพร้อมในการชี้แจงซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยที่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ และกล่าวย้ำในการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจและนโยบายรัฐบาล ไม่ให้ผิดกฎหมาย
พร้อมกันนี้ยังชี้แจงเหตุผลการลงทะเบียนแรงงานข้ามชาติในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เป็นมาตรการนำแรงงานกลุ่มที่ผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบ เพื่อตรวจคัดกรองโรคและยับยั้งการแพร่ระบาด ส่วนปัญหาเรื่องการทะลักของกลุ่มแรงงานเข้ามาอีกระลอกเป็นอีกเรื่องที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นตามแนวชายแดน ทั้งแรงงานหรือกลุ่มเล่นการพนัน ที่ต้องผ่านกระบวนการสาธารณสุขสืบสวนโรค