วันนี้ (29 ม.ค.64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจะตรวจสอบ หากพบสถานที่ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน COVID-19 จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ขณะที่การเรียนการสอนทั้งระบบปกติและออนไลน์ให้กระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ทั่วถึงมากที่สุด ขึ้นอยู่กับโรงเรียนและสาธารณสุขจังหวัดแต่ละพื้นที่ หากมีการแพร่ระบาดสูงอาจเรียนวันเว้นว้น วันเว้น 2 วัน สลับการเรียนออนไลน์เสริม
ขณะที่ สถานการณ์ จ.สมุทรสาคร ยังคงเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ ได้ปรับเป็น 4 ระดับ จะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง โดยจังหวัดที่มีความเสี่ยงและต้องเข้มงวดในการควบคุมโรค คือ สมุทรสาคร ส่วน กทม.จะควบคุมพื้นที่ติดต่อกับ จ.สมุทรสาคร ต้องคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้

ทั้งนี้ การวิจัยและพัฒนาวัคซีนไทยจะต้องพัฒนาการผลิตวัคซีนเอง และปัจจุบันได้รับรองมาตรฐานเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งการผ่อนคลายสถานประกอบการและธุรกิจต่าง ๆ ขอให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองมากที่สุด อย่าปกปิดข้อมูล ส่วนการฉีดวัคซีนหากส่งมาแล้วก็สามารถฉีดได้ทันที ไทยมีความพร้อมและจัดทำแผนการแจกจ่าย และสร้างการรับรู้ หรืออาจปรับแผนบ้างโดยเป็นไปตามสถานการณ์
ขอให้นึกถึงคนอื่นด้วย รักตัวเอง รักครอบครัว อย่าแพร่เชื้อให้คนอื่น เป็นความรับผิดชอบของทุกคน เพราะเจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัด ประชาชนจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปิดกิจการโรงแรมทั้งปิดเองและรัฐสั่งปิดให้เยียวยาในกองทุนประกันสังคม หากจำเป็นกระทรวงการคลังจะเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เบื้องต้น กระทรวงแรงงานแก้ปัญหาในระดับหนึ่ง ทั้งผู้ประกันตน ม.33 และอื่น ๆ มีจำนวนเหลือประมาณ 10 ล้านคน โดยใช้เงินกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ จะมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลในวันที่ 1 ก.พ.นี้ โดย ศบค.ย้ำว่าหากสถานการณ์เลวร้ายลงก็จะกลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกครั้ง