ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักร้อง นักแสดง และบุคคลมีชื่อเสียงต่างถูกดำเนินคดีข้อหาโฆษณาสินค้าไม่เป็นตามกฎหมายกำหนด หรือ โฆษณาเกินจริง สำหรับคดีล่าสุด น.ส.พัชรศรี เบญจมาศ หรือ กาละแมร์ เดินทางไปเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ ปคบ. ช่วงค่ำวานนี้ (8 ก.พ.2564) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีการอ้างสรรพคุณป้องกัน COVID-19 และเชื้อหายไปได้ รวมทั้งรับประทานแล้วมะเร็งระยะ 2 หาย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก
ส่วน นายยิ่งยง ยอดบัวงาม นักร้องลูกทุ่งชื่อดังที่โฆษณาอาหารเสริมผสมถั่งเช่าก็ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ปรับ 50,000 บาท ฐานร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์อาหารเป็นเท็จ แต่นายยิ่งยงรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี ปรับ 25,000 บาท ซึ่งโทษจำคุกให้รอการลงโทษโดยมีกำหนด 1 ปี
หากนึกย้อนไปตั้งแต่สมัยทีวีจอหนา วิทยุสายตามสาย จนมาถึงทีวีดิจิทัล และยุคเฟซบุ๊ก ไอจี โฆษณาสินค้าต่าง ๆ แทรกซึมเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างไม่ขาดสาย โฆษณาบางชิ้นฉายวนไปจนท่องบทได้ บางชิ้นที่ถูกพูดถึงมาก ๆ คงหนีไม่พ้นโฆษณาชวน (ซื้อ) เชื่อจากบุคคลมีชื่อเสียง ดารา นักร้องชื่อดัง
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh1FinNVLY4r0sulToroXYHCgKvS.jpg)
นอกจากความน่าเชื่อถือของพรีเซนเตอร์แล้ว โฆษณาเหล่านี้ยังมีตัวอย่างของผู้ใช้ (จริง) มาบอกเล่าสรรพคุณเช้า - เย็นอยู่เสมอ ไม่ต้องไปถามที่ไหนไกล ถามคนในบ้านหรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานต่างเคยมีประสบการณ์พ่อแม่ ลุงป้า ปู่ย่า สั่งซื้อสินค้าเหล่านี้ผ่านโฆษณาทั้งสิ้น ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมและพูดถึงในปัจจุบันนั้น ต้องยกให้กลุ่มอาหารเสริมบำรุงร่างกาย สรรพคุณรักษา ลดอาการ แก้โรค คลายปวด อาการหลักของคนสูงอายุ
1 ปี อย.จับโฆษณาเกินจริงนับพันคดี
ที่ผ่านมา โฆษณาอาหารเสริมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด การตรวจสอบจึงอาจทำได้น้อย โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่ใครก็สามารถโฆษณาหรือรีวิวสินค้าได้ ไม่ต้องผ่านสื่อหลัก เพียงแค่มีโทรศัพท์สมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ต ส่วนคนทั่วไปก็เข้าถึงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ทำให้เกิดการโฆษณาผ่านออนไลน์โดยไม่ได้ขออนุญาตคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวนมาก ขณะเดียวกันการไม่ขออนุญาตโฆษณาตามพระราชบัญญัติอาหาร ที่มีมาตั้งแต่ปี 2522 กำหนดโทษต่ำปรับเพียง 5,000 บาท เทียบไม่ได้กับรายได้จากการรีวิวสินค้า
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh1FinNVLY4r0suSkEOpkmoHU5Zx.jpg)
อย่างไรก็ตาม อย. และ กสทช.ก็ได้พยายามดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดย ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย. เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา อย.ดำเนินคดีโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร และสุขภาพประเภทอื่น ๆ ทางสื่อ จำนวน 1,388 คดี
ทั้งนี้ อย.จะเป็นผู้วินิจฉัยความผิด และดำเนินคดีกับผู้ผลิต นำเข้า จำหน่าย หรือผู้ทำโฆษณา ส่วน กสทช.จะดำเนินการกับสถานีที่ออกอากาศ ตั้งแต่ปี 2561- 2563 อย.ได้วินิจฉัยความผิดและส่งให้ กสทช. 250 เรื่อง เป็นโฆษณาถั่งเช่า 58 เรื่อง
ผู้โฆษณามักรู้จุดอ่อนของผู้ซื้อ นำภาพผู้ป่วยมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และโฆษณาโดยอวดอ้างเกินจริง ทั้งกรณีถั่งเช่า และกรณีกาละแมร์ ยืนยันว่า อาหารเสริมไม่ใช่ยา รักษาโรคไม่ได้ แต่โฆษณาบอกว่า กินแล้วหาย แก้ปวด ลดปวด คลายปวด หรืออวดอ้างสรรพคุณสารประกอบ ถือว่าโอ้อวดเกินกว่า จะเป็นอาหารเสริม
![](https://news.thaipbs.or.th/media/BRpLwT0TYaGXOF4tVxxM695FdE2JDqvsB5JNcMK1csZs4.jpg)
ทั้งนี้ ภญ.สุภัทรา ระบุว่า ปัจจุบันทุกคนเป็นเจ้าของสื่อได้หมด ช่องทางการโฆษณาก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่ง อย.ได้ร่วมมือกับ กสทช.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดย อย.กำหนดโทษทางอาญา
ส่วน กสทช.เปรียบเทียบปรับสูง แต่การรีวิวหรือโฆษณาสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูบ ในอนาคต อย.จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดีอีเอส เพื่อขยายขอบข่ายการจัดการดูแลต่อไป
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh1FinNVLY4r0suRibYLneiAEB3p.jpg)
"ถั่งเช่า" สรรพคุณครอบจักรวาล?
กรณีโฆษณาอาหารเสริมผสมถั่งเช่า หากฟังสรรพคุณในทีวีแล้ว "ถั่งเช่า" นับว่าเป็นสมุนไพรจีนสารพัดนึก แต่แพทย์จีนวิษณุสรรค์ สุฉันทบุตร แพทย์แผนจีน ให้คำตอบกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ถั่งเช่า คือ ตงฉงเซี่ยฉ่าว เป็นสมุนไพรจีนจากทิเบต แต่ปัจจุบันคนจะสับสนกับอีกตัวคือ "เห็ดถั่งเช่าสีทอง" ที่นำมาเพาะเลี้ยง ซึ่งยังไม่มีงานวิจัยที่รองรับเพียงพอว่า สารประกอบสำคัญและสรรพคุณนั้นสามารถเทียบเท่ากับเห็ดถั่งเช่าทิเบตตามธรรมชาติได้หรือไม่
เห็ดถั่งเช่าสีทอง ถ้ารับประทานในปริมาณสูง จะเป็นพิษต่อตับและไต ขณะที่ เห็ดถั่งเช่าทิเบต มีการศึกษาเพียงพอ และไม่มีงานวิจัยที่บอกว่า เป็นพิษต่อตับและไต ยกเว้นปนเปื้อนของโลหะสูงเท่านั้น
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh1FinNVLY4r0suXrtx2Vm4B69Fv.png)
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีถั่งเช่าเป็นส่วนประกอบ ส่วนใหญ่จะใส่เห็ดถั่งเช่าสีทองแทน เนื่องจากเห็ดถั่งเช่าทิเบตธรรมชาติ ราคาสูง กรัมละ 1,200 บาท กิโลกรัมละ 1-2 ล้านบาท ทำให้ความนิยมเลือกใช้ แม้แต่ในคลินิกแพทย์แผนจีนก็ค่อนข้างน้อย ซึ่งแพทย์บางส่วนจะเลือกใช้สมุนไพรอื่นที่มีสรรพคุณทดแทนกันได้โดยมีราคาถูกกว่า เช่น ตุ๊กแก ตู้จ้ง ทู่ซือจึ และเมล็ดกุยช่าย
สรรพคุณจะแตกต่างกัน และที่อ้างว่าสรรพคุณครอบจักรวาลต้องบอกว่าไม่จริง เพราะขนาดถั่งเช่าทิเบตธรรมชาติเอง ก็ยังไม่สามารถรักษาได้ทุกโรค
แพทย์จีนวิษณุสรรค์ ยังระบุอีกว่า สำหรับอาหารเสริมที่ผสมถั่งเช่าโดยทั่วไปที่พบในปัจจุบันอาจมีการผสมสารต่าง ๆ หรือวิตามินอื่น ๆ เช่น วิตามินบี หรือ โสมเกาหลี อาจจมีผู้ป่วยรับประทานแล้วอาการดีขึ้น แต่เกิดจากสารหรือวิตามินที่เพิ่มเข้ามา ไม่ได้อาการดีขึ้นจากถั่งเช่า เนื่องจากใส่ส่วนผสมในปริมาณที่น้อย เพราะราคาแพง สัดส่วนที่แจ้งไว้อาจไม่สามารถเป็นไปได้ที่จะขายในราคาตามท้องตลาด
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh1FinNVLY4r0suTvzU1WB9IptOP.jpg)
หลังจากนี้ อาจต้องจับตาการทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลโฆษณาอย่างจริงจังมากขึ้น ในขณะที่ประชาชนอาจต้องป้องกันตัวเอง พิจารณาหาข้อมูลเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์แหล่งรวบรวมข้อมูล และความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพจาก อย. หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ขณะเดียวกันในยุคที่ประชาชนเริ่มเท่าทันสื่อ อาจถึงเวลาที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องขายสินค้าอย่างมีจริยธรรมมากขึ้นด้วยเช่นกัน