"สุทิน" จั่วนำเปิดแผลรัฐบาล ซัด "ประยุทธ์" ล้มเหลว

การเมือง
16 ก.พ. 64
15:15
573
Logo Thai PBS
"สุทิน" จั่วนำเปิดแผลรัฐบาล ซัด "ประยุทธ์" ล้มเหลว
สุทินลุกขึ้นอภิปรายคนแรก จวกนายกฯ ประยุทธ์ บริหารประเทศล้มเหลวทำให้หนี้ประเทศพุ่งจาก 7 ล้านล้าน เป็น 9 ล้านล้าน คนฆ่าตัวตายอื้อ แก้ปัญหา COVID-19 ไม่ได้ ทั้งที่รู้สาเหตุมาจากแรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน การทุจริตมีมากขึ้น

วันนี้ (16 ก.พ.2564) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรกของวันนี้ ระบุว่า นายกฯมีความล้มเหลวในการทำงานหลายด้าน แสดงว่า นายกฯ ไร้ประสิทธิภาพ หากทำไม่ได้ ควรพิจารณาตนเองด้วยการลาออก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีปัญหาตั้งแต่ก่อนการระบาดของ COVID-19

ตามข้อมูลของสภาพัฒน์ฯ ปี 63-64 ติดลบร้อยละ 6-7 ขณะที่ IMF ชี้เศรษฐกิจไทยโตต่ำ โดยอยู่ในลำดับท้ายๆ ของอาเซียน หนี้ประเทศพุ่งสูงขึ้นจากเดิม 7 ล้านล้าน ขณะนี้จะเข้า 9 ล้านล้าน และมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น

GDP ที่บอกว่า ติดลบร้อยละ 6 หากหักมหาเศรษฐีออก จะติดลบมากกว่านี้ ตัวเลขมหภาคทุกตัวตกต่ำหมด หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น หนี้แบงก์สูงขึ้น สิ้นปี 63 หนี้ NPL สูงกว่า 5 แสนล้าน บ่งชี้ว่าธุรกิจไปไม่ได้ ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายไม่ได้ ปิดแผงไปหลายราย

นายสุทินอภิปรายว่า หนี้ 5 ตัวเป็นตัวบ่งชี้ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคม จากหน้าสื่อเห็นว่ามีการฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก

มีข้อมูลสถิติการฆ่าตัวตาย ในยุคนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” มีข่าว 13 เคส ยุค “พล.อ.ประยุทธ์” มีจำนวน 38 เคส กรมสุขภาพจิตคาดว่า ครึ่งปีหลังจะสูงขึ้นอีก

ปัญหาเศรษฐกิจนำมาสู่ปัญหาสังคม อบายมุขเพิ่มขึ้นเช่น ตัวเลขบ่อนการพนันสูงขึ้น แต่ปราบบ่อนพนันไม่ได้ และทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และปัญหายาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนายกฯล้มเหลวอย่างมาก

การแก้ปัญหา COVID-19 ก็ล้มเหลว สาเหตุต้นน้ำมาจากแรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน การระบาดรอบ 2 จึงโทษใครไม่ได้ ขั้นตอนที่ 2 กลางน้ำ คือการเยียวยาหลายคนไม่ได้และไม่ทันท่วงที

และปลายน้ำคือ เรื่องวัคซีนที่ไทยยังไม่ได้ และได้ช้ากว่าเพื่อนบ้าน การได้มาของวัคซีน COVID-19 มี 3 วิธี 1.ผลิตวัคซีนเองก็ยังไม่ได้ 2.ซื้อวัคซีนก็ยังไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้มัดจำ ซึ่งถ้ามีปัญหาก็ควรแก้กฎหมาย และ 3.การรับบริจาคซึ่งก็ไม่ได้ ซึ่งความล้มเหลวมาจากวิธีคิดของนายกฯ มีปัญหาคือ ไม่ยอมรับความจริง ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ

ข้อมูลทุจริตที่ชัดคือ การจัดทำโซลาเซลล์ของ กอ.รมน.ที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ วงเงิน 45 ล้านบาท แม้จะชี้แจงว่า ทำทั้งระบบ แต่ ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า แพงเกินจริง ไม่มีการติดตั้งจริง ติดตั้งแล้วใช้ไม่ได้ และกรรมการไม่ยอมตรวจรับ

นายสุทินอภิปรายต่อว่า นายกฯ ไม่ทุ่มเทในการปราบปรามทุจริต นายกฯ ต้องส่งสัญญาณที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ แต่มีสัญญาณที่แย่มากคือ นายกฯและคณะรวม 7 คน ไม่ชี้แจงทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.หากทั้ง 7 ท่านมีความบริสุทธิ์ใจและจริงใจ ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน แม้ว่ากฎหมายจะไม่บังคับก็ตาม

นายกฯ บริหารประเทศไร้ประสิทธิภาพ ไม่นำข้อมูลมาใช้ โดยเฉพาะข้อมูล จปฐ.ปี 63 (กรมพัฒนาชุมชน) ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นดิจิทัล ทำให้นายกฯ ไม่ได้นำข้อมูลมาใช้ จึงเท่ากับว่า ปิดตาบริหารประเทศ

นายสุทินกล่าวว่า นายกฯเอื้อพวกพ้อง เช่น กรณีโฮปเวลล์ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.คมนาคม ในขณะนั้น ยกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ที่ถูกฟ้องและรัฐบาลต้องชดเชย 2 หมื่นกว่าล้าน

กรณีนี้ต้องฟ้องเอาจากผู้ละเมิดคือ นายสุเทพ ซึ่งจะเหลือเวลาอีก 2 เดือนในการส่งฟ้อง แต่นายกฯยังไม่ดำเนินการ

 

กรณีนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ (รมว.คมนาคม) ชี้แจงว่าคดียังไม่สิ้นสุด และยังคงสู้คดีต่อ ซึ่งคดีดังกล่าวเห็นว่า ไม่สามารถกลับคำวินิจฉัยของศาลปกครองได้ และซึ่งหากจะกลับมาเอาผิดจากผู้ละเมิด ก็หมดเวลาในการฟ้องผู้ละเมิดแล้ว

หรือกรณีเหมืองทองอัครา ซึ่งก็คือ เอกชนเปิดเหมืองทอง และถูกสั่งปิด ด้วยคำสั่ง ม.44 ซึ่งเป็นการฟ้องราชอาณาจักรไทย รอเพียงอนุญาโตตุลาการตัดสินอย่างเป็นทางการ และดูว่า ใครจะเป็นคนจ่ายค่าปรับ

ซึ่งหาก "พล.อ.ประยุทธ์" เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องนำงบประมาณแผ่นดินมาจ่ายค่าปรับ แต่หาก "พล.อ.ประยุทธ์" ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องจ่าย

หากอ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ตำแหน่งหัวหน้า คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่ขาดคุณสมบัติ ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งประชาชนก็โล่งใจ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

วันนี้ นายกฯ กำลังจะปัดความรับผิดชอบ โดยให้เหมืองทองอัคราถอนฟ้องและอาจเสียมากกว่าค่าปรับ 30,000-40,000 หมื่นล้านบาท แต่การเจรจากันวันนี้อาจจะเสียทรัพย์สินของแผ่นดินมากกว่า โดยเฉพาะการให้สัมปทานในที่ไม่ต่ำกว่า 300,000 ไร่

นายสุทินยังกล่าวอภิปรายด้วยว่า ขณะที่กรณีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ที่บอกว่า กล่าวหานายกฯ รุนแรง ขอให้เข้าใจกัน ตั้งสติ เพราะเมื่อก่อนไม่มีเหตุการณ์แบบนี้

ขอพูดเพื่อเตือนนายกฯ เช่น กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ควรทำให้ถูกต้อง และกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับขบวนเสด็จฯ หากเป็นนายกฯ ประเทศอื่น คงลาออกไปแล้ว แล้วมาสอบสวนภายหลัง และในการอภิปรายนี้ หากนายกฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ขอให้พิจารณาตัวเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง