วันนี้ (16 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า เครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมตัวกันที่หน้ารัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะกรณีการอภิปรายปรับแก้กฎหมาย มาตรา 112 สอดคล้องกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแกนนำและแนวร่วม "ราษฎร" ที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ประกอบกับมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง

เรียกร้องหยุดจาบจ้วง - โจมตีสถาบันฯ
ภาคีเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบัน จึงขอประกาศข้อเรียกร้อง 2 ข้อหลัก คือ 1. เรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน หากกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังมีพฤติกรรมแบบนั้นต่อไป ทางภาคีฯ จะดำเนินการปกป้องสถานที่ องค์กร หรือตัวบุคคลที่เคารพและศรัทธาของประชาชนอย่างถึงที่สุด ในทุกรูปแบบ 2. และในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน สำหรับ ส.ส.ที่หนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยอาศัยการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ โจมตีสถาบันฯ จะทำการเปิดโปงและเผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนให้รับรู้ และร่วมประณาม ส.ส.พรรคนั้นให้ถึงที่สุด
คัดค้านนำกฎหมาย ม.112 มาอภิปราย
นายพานสุวรรณ ณ แก้ว เครือข่ายปกป้องสถาบันและพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ยื่นหนังสือ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มไม่เห็นด้วยที่ให้ ส.ส.นำเรื่องสถาบัน หรือกฎหมาย มาตรา 112 มาอภิปราย เนื่องจากมองว่าสถาบันเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์ในสภาและพื้นที่สาธารณะ ที่ผ่านมาสถาบันถูกกล่าวร้ายมาตลอด แต่ไม่เคยออกมาให้ร้ายใคร หรือโจมตีบุคคลใด

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ได้ออกมารับหนังสือแทนประธานสภาฯ โดยบอกเบื้องต้นว่า ที่ผ่านมาประธานสภาฯ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจะนำหนังสือไปมอบให้ประธานสภาฯ พิจารณาแก้ไข