วันนี้ (25 ก.พ.2564) คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณทางเท้าใกล้กับเจดีย์ซูเลในนครย่างกุ้ง จับภาพของชาวเมียนมาที่แตกตื่นวิ่งหนีชายที่ถือมีด ก่อนที่ชายคนนี้จะเข้าทำร้ายชายอีกคนหนึ่ง จนได้รับบาดเจ็บและวิ่งหนีไป
โดยหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่า เหตุทำร้ายกันในครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปประมาณ 10 คน หลังกลุ่มผู้สนับสนุนกองทัพบางส่วนที่พกพาอาวุธหลายชนิด เข้าทำร้ายกลุ่มที่ต่อต้านรัฐประหาร
ก่อนที่ผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจะตอบโต้กลับและสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังถูกเจ้าหน้าที่เมียนมานำตัวออกไป
ขณะที่ชาวเมียนมาอีกส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการก่อรัฐประหารร่วมเดินขบวนไปตามท้องถนนในนครย่างกุ้ง พร้อมทั้งแสดงสัญลักษณ์สนับสนุนกองทัพเมียนมา ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเปิดแนวกั้นให้กลุ่มนี้เดินเข้าไปในพื้นที่ใกล้กับเจดีย์ซูเลได้
ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มต่อต้านรัฐประหารที่ร่วมชุมนุมอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งถูกห้ามไม่ให้เข้าพื้นที่ดังกล่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ส่วนนักศึกษามหาวิทยาลัยย่างกุ้งร่วมจัดการประท้วงภายในมหาวิทยาลัย และพยายามที่จะเคลื่อนขบวนออกไปด้านนอก แต่ถูกตำรวจปราบจลาจลปิดถนนและขวางทางออกเอาไว้ แต่นักศึกษากลุ่มนี้ก็สามารถหลบหลีกและออกมาร่วมชุมนุมกันด้านนอกมหาวิทยาลัยได้ในที่สุด
ด้านเจ้าหน้าที่แพทย์หลายพันคนร่วมเดินขบวนไปในพื้นที่ชุมนุมหลายจุดทั่วนครย่างกุ้ง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงพลังเคลื่อนไหวอารยะขัดขืน โดยผู้ประท้วงเรียกการเคลื่อนไหวนี้ว่าการปฏิวัติเสื้อคลุมขาว
ส่วนผู้ประท้วงบางกลุ่ม ทั้งในนครย่างกุ้งและอีกหลายเมืองทั่วประเทศ เลือกทาแป้งทานาคาบนใบหน้า ในระหว่างเข้าร่วมการชุมนุมต้านรัฐประหาร เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของการเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนและแสดงถึงอัตลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งการต่อต้านกองทัพเมียนมา
เฟซบุ๊กระงับทุกบัญชีที่เชื่อมโยงกองทัพเมียนมา
ขณะที่บริษัทเฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้ดำเนินการระงับการใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของกลุ่มหรือหน่วยงานที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมาทั้งหมด ซึ่งรวมถึงบัญชีที่มีการใช้งานเชิงพาณิชย์เกี่ยวข้องกับกองทัพ ออกจากการโฆษณาบนช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้ง 2 ช่องทาง โดยคำสั่งระงับนี้จะมีผลทันที
ด้านผู้อำนวยการนโยบายของบริษัทเฟซบุ๊ก ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเนื่องจากบริษัทเชื่อว่า การอนุญาตให้กองทัพเมียนมาใช้พื้นที่บนสื่อสังคมออนไลน์มีความเสี่ยงมากเกินไป
นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่าบริษัทได้ปรึกษากับหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักการด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการในลักษณะนี้
ร้องยูเอ็นห้ามส่งออกอาวุธให้เมียนมา
ขณะที่ภาคประชาสังคม 137 กลุ่ม จาก 31 ประเทศทั่วโลก ร่วมส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการสั่งห้ามการส่งออกอาวุธไปยังเมียนมาทันที เพื่อตอบโต้กรณีการก่อรัฐประหารของกองทัพ และป้องกันกองทัพใช้อาวุธดังกล่าวทำร้ายประชาชน
นอกจากนี้ ยังได้ร้องขอให้คว่ำบาตรผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหาร ห้ามการเดินทาง รวมทั้งสั่งระงับการดำเนินการทางทรัพย์สินของแกนนำกองทัพและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ