วันนี้ (3 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผิดวัตถุประสงค์โครงการเราชนะ (โครงการฯ) เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่กระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ติดตาม ร้านค้า และผู้ให้บริการตามที่ได้รับแจ้งเบาะแส โดยหากพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ของร้านค้าและผู้ให้บริการ ตลอดจนระงับการจ่ายเงินให้กับร้านค้าและผู้ให้บริการทันที รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการสามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการเราชนะทางไปรษณีย์มาได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail Account) wewin@fpo.go.th
ประชาชนเข้าร่วมโครงการรวม 29.9 ล้านคน
ส่วนความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 2 มี.ค.2564 มีดังนี้ 1) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.2564 จนถึงปัจจุบันแล้ว จำนวน 1.9 ล้านคน 2) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2564 เป็นต้นมา จำนวน 33,084.5 ล้านบาท
และ 3) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.2 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 เป็นต้นมา จำนวน 35,939.2 ล้านบาท
รวมมีผู้ใช้สิทธิ์โครงการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 29.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 69,023.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.1 ล้านกิจการ
โดยจังหวัดที่มีผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการลงทะเบียนเข้าร่วมสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ชลบุรี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และสงขลา
แท็กที่เกี่ยวข้อง: