วันนี้ (19 มี.ค.2564) กลุ่มชาวอเมริกันในมินนิอาโพลิส รัฐมินนิโซตา รวมตัวเดินขบวนไปตามท้องถนน เพื่อแสดงพลังสนับสนุนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและรณรงค์ให้ยุติการเกลียดชังชาวเอเชีย หลังเกิดเหตุกราดยิงสปาในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย จนมีชาวเอเชียเสียชีวิต 6 คน

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เสี่ยว เจิ้น เซีย หญิงเชื้อสายจีน วัย 76 ปี ถูกสตีเวน เจนกินส์ ชายอเมริกัน วัย 39 ปี ชกเข้าที่ใบหน้าในระหว่างยืนรอสัญญาณไฟจราจร บริเวณย่านใจกลางซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

ก่อนที่เสี่ยว เจิ้น เซียจะหยิบไม้ในบริเวณดังกล่าวมาใช้ป้องกันตัวและตีผู้ก่อเหตุจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุได้ทำร้ายร่างกายชายเชื้อสายเอเชีย วัย 83 ปี ในย่านใกล้เคียง เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะก่อเหตุทำร้ายร่างกายเธอ
ขณะที่ผู้นำชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีใต้ในแอตแลนตา ซึ่งมีทั้งนักเคลื่อนไหว ประธานสมาคมร้านอาหารเกาหลีและผู้บริหารศูนย์เอเชียน-อเมริกัน รวมตัวกันที่ร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่ง เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีต้นตอมาจากกระแสต่อต้านชาวเอเชียและเป็นการเหยียดเชื้อชาติอย่างหนึ่ง พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงในลักษณะนี้

โดยสื่อท้องถิ่นในแอตแลนตา รายงานว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี จะพบปะกับกลุ่มผู้นำชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในแอตแลนตา จากเดิมที่มีกำหนดการจะเดินทางมายังรัฐจอร์เจีย เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการให้เงินช่วยเหลือฟื้นฟู COVID-19 อยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ไบเดนยังสั่งให้ทำเนียบขาวและอาคารที่ทำการของรัฐอื่น ๆ ลดธงครึ่งเสา เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตไปจนถึงวันจันทร์อีกด้วย

ส่วนที่มหานครนิวยอร์ก มีประชาชนจำนวนมากร่วมกันจุดเทียนและวางดอกไม้ เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในแอตแลนตา ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ยุติปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและอาชญากรรมจากความเกลียดชัง

สำหรับกิจกรรมไว้อาลัยในลักษณะนี้ได้จัดขึ้นในอีกหลายเมืองทั่วสหรัฐอเมริกา ขณะที่ตำรวจตามเมืองต่าง ๆ ที่มีประชากรเชื้อสายเอเชียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องเพิ่มกำลังลาดตระเวนเพื่อความปลอดภัย