ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ระลอกใหม่ มีผู้ติดเชื้อแตะระดับอยู่ที่หลัก 2,000 คนแล้ว และมีแนวโน้มอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องจัดเตรียมแผนรองรับกับสถานการณ์ และตามการประเมินคร่าว ๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจแตะที่หลักหมื่น หากรัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดไม่ได้
และด้วยทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด กองทัพจึงต้องเป็นตัวช่วย ปรับเปลี่ยนภารกิจ เสริมทีมแก้สถานการณ์ในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน และปฏิเสธไม่ได้ว่าวิกฤต COVID-19 รอบนี้ คือบททดสอบถึงภาวะผู้นำ และการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์
ด้วยเงื่อนไขปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงระหว่างการป้องกันโรค กับเศรษฐกิจ แต่หากคุมสถานการณ์ไม่อยู่นายกรัฐมนตรีก็จำเป็นต้องยกระดับการแก้ปัญหาด้วยยาแรง

หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปรับมาตรการให้เข้มงวดขึ้น จะมีการเร่งพิจารณา และประกาศล่วงหน้าให้ได้รับทราบโดยทันที ตัวชี้วัดว่า จะปรับมาตรการไปสู่ยาแรงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน
แต่ในภาวะเฉพาะหน้าที่ต้องรับมือผู้ป่วยจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถนัดทำงานในแบบทหารที่เด็ดขาดและรวดเร็ว สั่งแก้ระบบการรักษาในโรงพยาบาลสนาม โดยให้กองทัพเข้ามาเสริมภารกิจส่งต่อผู้ป่วยประเภทสีเขียวเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลสนาม

ตามแผนใช้รถพยาบาลทหารราว 30 คัน ระดมจากกองพันเสนารักษ์ รวมทั้งโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลทหารในพื้นที่ กทม. ประสานร่วมมือศูนย์เอราวัณสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร บริหารจัดการ

ส่วนต่างจังหวัดให้หน่วยงานในแต่ละจังหวัดบูรณาการรับส่งผู้ป่วย พร้อมทั้งเตรียมแผนดัดแปลงยานพาหนะทางทหาร ให้เป็นรถพยาบาลในภาวะเร่งด่วน
ไม่นับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ รองรับได้มากกว่า 3,000 เตียง และสนับสนุนอุปกรณ์ กำลังพลจิตอาสาในโรงพยาบาลสนามตามจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก

ในสถานการณ์แพร่ระบาดที่มาจากหลายทิศทาง กองกำลังป้องกันชายแดนยังได้เพิ่มมาตรการป้องกันโควิดจากการลักลอบเข้าเมือง โดยไม่ผ่านการคัดกรอง ทั้งช่องทางถูกกฎหมายและช่องทางธรรมชาติ
เฉพาะเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จับกุมผู้กระทำผิด ทั้งคนไทย และประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงเวียดนาม และจีน กว่า 1,000 คน

ทั้งนี้กองทัพบกระดมกำลังพลราว 3,000 นายต่อวัน จากทุกกองทัพภาคสนับสนุนตามมาตรการของ ศบค.ตั้งจุดตรวจ และสายตรวจกิจการกิจกรรม ยกระดับมาตรการรับมือตามปัจจัยเสี่ยงใหม่ๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งสถานการณ์สู้รบในฝั่งเมียนมา และมาตรการกวดขันแรงงานผิดกฎหมายจากมาเลเซีย

โดยใช้บทเรียนและมาตรการเดียวกับการระบาดระลอกแรก และปรับการทำงานให้สอดคล้องกับปัจจัยเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ และคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลัง ในฐานะด่านหน้าที่ต้องรับมือทั้งความเสี่ยงจาก COVID-19 และคงความเข้มข้นในการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: