วันนี้ (12 พ.ค.2564) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกด้วยระบบออนไลน์ กับหน่วยทหารทั่วประเทศ
โดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.เป็นประธานเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.2564) ได้กล่าวชมเชยผลการปฏิบัติของกองกำลังชายแดนกองทัพบกในการเฝ้าตรวจพื้นที่ชายแดน เพื่อป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายและป้องกันโรค COVID-19

พร้อมกำชับให้เฝ้าระวังตรวจสอบและควบคุมชายแดนในทุกช่องทางด้วยมาตรการขั้นสูงสุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่กลุ่มแรงงานข้ามชาติใช้เป็นเส้นทางในการลักลอบเข้ามาทำงานในไทย
ทั้งนี้มีพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น ชายแดน จ.เชียงราย, จ.ตาก, จ.กาญจนบุรี, จ.ประจวบคีรีขันธ์, จ.สระแก้ว, จ.สงขลา และ จ.ระนอง

รวมถึงกำชับให้ใช้กลไกกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในจังหวัด บูรณาการสกัดกั้นคัดกรองตามเส้นทางสู่พื้นที่ตอนในอีกระดับหนึ่ง ด้วยมาตรการการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัดให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย
แต่ยังต้องเพิ่มความร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้แรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าในไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรอง

ทั้งนี้ในช่วง 7-10 พ.ค.2564 กกล.ป้องกันชายแดน ได้ตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวม 198 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 155 คน, กัมพูชา 5 คน, อินโดนีเซีย 1 คน, ลาว 16 คน, ไทย 16 คน และผู้นําพาชาวไทย 5 คน
ผบ.ทบ.ยังย้ำให้หน่วยทหารดำรงความช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรค
และช่วยลดภาระของประชาชน โดยต้องกระจายการแจกจ่ายให้ครอบคลุมมากที่สุด ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือประชาชน ในรูปแบบการจัดรถปันสุขไปมอบอาหาร เครื่องอุปโภค-บริโภคในชุมชน และการนำรถครัวสนามไปปรุงอาหารมอบให้ประชาชนในชุมชนคลองเตย

ส่วนการอนุเคราะห์ฌาปนสถานของกองทัพบก เพื่อจัดพิธีศพให้กับผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 เพื่อบรรเทาทุกข์และลดภาระของครอบครัว ซึ่งขณะนี้ ได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้ว 22 คน ทั้งใน กทม. และ นครราชสีมา
โดยมีกรมสวัสดิการทหารบก เป็นหน่วยประสานงานจัดเตรียมความพร้อมประกอบพิธีฌาปนกิจตามมาตรฐานสาธารณสุข และการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับจำนวนผู้เสียชีวิต