วันนี้ (12 พ.ค.2564) กรมราชทัณฑ์ ออกแถลงการณ์ชี้แจง กรณีมีสื่อตั้งข้อสงสัยว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในเรือนจำได้อย่างไร และมีการปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์การรักษาผู้ติดเชื้อหรือไม่
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 มีการกระจายเป็นวงกว้างในทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงเรือนจำและทัณฑสถานที่ต้องรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และนำผู้ต้องขังออกศาลอยู่เสมอ จึงอาจมีการหลุดรอดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำได้
อย่างไรก็ดี กรมราชทัณฑ์ได้ป้องกันอย่างเต็มที่ด้วยมาตรการเชิงรุก คือ แยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างน้อย 21 วัน พร้อมตรวจหาเชื้อ COVID-19 จำนวน 2 ครั้ง ก่อนผู้ต้องขังพ้นระยะแยกกักโรค ซึ่งการตรวจพบการติดเชื้อของผู้ต้องขังที่ผ่านมา ถือว่าเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ สำหรับผู้ต้องขังที่ตรวจพบเชื้อจะได้รับการรักษาโดยการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งในโรงพยาบาลสนามเรือนจำ และโรงพยาบาลแม่ข่าย ตามลักษณะอาการป่วยของแต่ละคน
กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เรือนจำทัณฑสถานทุกแห่งมีมาตรการอย่างเคร่งครัด เพราะมีการควบคุมบับเบิ้ล แอนด์ ซีล เช่น กรณีเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อก็สามารถดูแลรักษาจนหาย และไม่มียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในเรือนจำอีก
กรมราชทัณฑ์ได้ตรวจเชิงรุก เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง100% ซึ่งได้พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่พบการติดเชื้อ ได้แก่ ทัณฑสถานหญิงกลาง มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,040 คน และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,795 คน ซึ่งทุกคนอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หากในบางคนมีอาการหนักจะได้มีการย้ายออก เพื่อรับการรักษายังโรงพยาบาลภายนอก เชื่อว่ามาตรฐานการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์กับกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้ ไม่ขยายตัวไปสู่วงกว้าง
เวลานี้ได้มีแดนกักโรคและโรงพยาบาลสนาม โดยมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และการให้ยารักษาและการดูแลทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข รวมทั้งมีการวางแผนเพื่อฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างรอการจัดสรรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เชิงรุกในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง ซึ่งในส่วนของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ตรวจคัดกรองเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ไปแล้วกว่า 17,000 ครั้ง ทำให้คัดแยกผู้ติดเชื้อไปรักษาได้รวดเร็ว สามารถแยกผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงออกมากักตัวเพื่อสังเกตอาการได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอขอบคุณกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่เข้ามาช่วยดูแลและทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
7 นักโทษทางการเมืองติด COVID-19 ในเรือนจำ
กางสถิติ! โควิด "เรือนจำ" ทั่วโลกเกิน 8 แสน ไทยพบติดเชื้อ 357 คน