เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2564 ทหารพราน กองร้อยเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังสุรสีห์ สนธิกำลังกับตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี และฝ่ายปกครอง ลาดตะเวนที่บ้านประตูด่าน พบแรงงานชาวเมียนมา 29 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 11 คน และคนนำพา 1 คน หลบซ่อนตัวอยู่ในป่า

ตรวจสอบ เบื้องต้น ไม่มีเอกสารการเดินทางเข้าประเทศ จึงจับกุมและแจ้งข้อหาลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี และฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ไม่มีไข้สูง

เจ้าหน้าที่สอบสวน พบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองทวาย ใช้เวลาเดินเท้า 4 วัน ลัดเลาะตามเส้นทางตามธรรมชาติ โดยจ่ายเงินให้นายหน้าฝั่งเมียนมาก่อนเดินทางคนละ 13,000 - 20,000 บาท มีจุดหมายไปทำงานที่ จ.สมุทรปราการ

ทั้งนี้ ข้อมูลวันที่ 12 พ.ค.เพียงวันเดียว มีการจับกุมแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าไทยใน จ.กาญจนบุรี รวม 116 คน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใน อ.ทองผาภูมิ จับกุมแรงงานเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองได้ในช่วงเช้า 77 คน
รถขนแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายหนี ตร.พลิกคว่ำ
ส่วนความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ สกัดจับขบวนการลักลอบนำแรงงานข้ามชาติเข้าประเทศบริเวณ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ทำให้รถยนต์กระบะสีบรอนซ์เงินหมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ซึ่งขับเป็นคันหน้าสุด เกิดหลุดโค้งจนพลิกคว่ำ

จากนั้นรถกระบะหมายเลขทะเบียน สุพรรณบุรี และรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน กาญจนบุรี ซึ่งขับตามหลังหยุดไม่ทัน และพุ่งชนท้ายเข้าอย่างจังจนมีผู้เสียชีวิต 1 คน เเละบาดเจ็บหลายคน
หลังเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือคนเจ็บภายในรถกระบะซึ่งพลิกคว่ำเป็นคันแรก พบว่า คนขับคือ นายวีเล่ง ไม่มีนามสกุล อายุ 40 ปี และแรงงานชาวเมียนมาที่นั่งมาในรถรวม 6 คน ได้รับบาดเจ็บ

ขณะที่รถร่วมขบวนการอีก 2 คัน คนขับได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง ทิ้งให้แรงงานชาวเมียนมาที่นั่งมาในรถรวม 31 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ประสานมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรีเข้ามาช่วยเหลือนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทองผาภูมิ เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจรักษา

จากการสอบสวน เบื้องต้นพบว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวเดินทางมาจากเมืองเมาะละแหม่ง ประเทศเมียนมา โดยใช้วิธีเดินเท้าลัดเลาะข้ามภูเขา ตามแนวชายแดนก่อนจะลงเรือที่ท่าเรือบ้านน้อย ข้ามแม่น้ำบีคลี่ มาจนถึงท่าเรือบ้านขนุนคลี่ จากนั้นมีรถยนต์กระบะมารอรับเพื่อนำแรงงานกลุ่มนี้ไปส่งให้กับนายจ้างในพื้นที่หลายจังหวัด โดยแรงงานแต่ละคนต้องเสียค่านายหน้าเป็นเงินคนละ 16,000 บาท