วันนี้ (20 พ.ค.2564) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน จะหารือในการประชุม ส.ส.สัปดาห์หน้า แต่เบื้องต้นที่หารือคิดว่าจะอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ แต่สถานการณ์ตอนนี้ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ส่งผลต่อความไม่มั่นใจการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ เศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
คาดว่าจะเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ด้วยเหตุผลว่าเพราะอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายค้านได้เตือนแล้ว แต่รัฐบาลไม่ฟังเสียงฝ่ายค้านเสนอแนะและเกิดปัญหากับประชาชน จึงสมเหตุสมผลที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจและสามารถที่จะดำเนินการได้
การจัดสรรงบฯ ปี 65 ต้องสมเหตุสมผล
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 จะต้องสมเหตุสมผล แต่เห็นหลักการหรือตรรกะของรัฐบาลไม่สมเหตุสมผล แม้ว่าจะมีการลดงบประมาณของทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นของกระทรวงกลาโหม กองทัพ
แต่ยังมีงบประมาณของกองทัพที่ไม่สมเหตุสมผลไม่ถูกกาลเทศะกับสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ในขณะนี้ และอธิบายต่อประชาชนไม่ได้ว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาเพื่อการใด นำมาเชื่อมโยงต่อประโยชน์และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างไร ก็จะต้องปรับลดลง
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขที่ได้เงินเพิ่มขึ้น แต่เมื่อยังมีความกังวลถึงความขาดแคลนเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลก็ควรที่จะให้เพิ่มขึ้นอีก รัฐต้องยึดจากหลักความจำเป็น
ประชาสัมพันธ์ฉีดวัคซีนโควิดรอบด้าน
ส่วนการลงทะเบียนวัคซีน หากรัฐประชาสัมพันธ์ ประชาชนเกิดความเข้าใจด้วยข้อมูลอย่างรอบด้าน และเกิดการลงทะเบียนอย่างสมัครใจ รับรู้ข้อมูลด้านความเสี่ยง และประโยชน์จากการฉีดวัคซีน
รวมถึงทำให้ประชาชนร่วมลงทะเบียนด้วยความสมัครใจ เชื่อว่าการลงทะเบียนวัคซีนจะไม่เป็นปัญหา เนื่องจากว่าในวันฉีดวัคซีนนั้นจำนวนที่ลงทะเบียนไว้จะตรงกับจำนวนที่เดินทางไปฉีด
นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากเกิดกรณีการกวาดรายชื่อไปลงทะเบียน โดยที่ประชาชนไม่ได้รับการสื่อสารตามข้อเท็จจริงหรือไม่ได้สมัครใจที่จะไปฉีดด้วยความเข้าใจ กังวลว่าอาจจะเกิดกรณีในวันฉีดวัคซีนจริง ประชาชนจะไม่เดินทางไป และเมื่อจำนวนผู้ลงทะเบียนมากกว่าจำนวนวัคซีน อาจจะเกิดกรณีปัญหาให้โรงพยาบาลเลื่อนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนออกไป
แนะใช้ "วอล์กอิน" เป็นมาตรการเสริม
หรือหากฉีดจริง โรงพยาบาลบางแห่ง คนมาน้อยที่ลงทะเบียนก็จะเหลือวัคซีน จะส่งผลให้ประชาชนที่ถูกเลื่อนการฉีดออกไปรู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ดังนั้น การบริหารจัดการสต็อกวัคซีนจะต้องดำเนินไปบนพื้นฐานความเข้าใจของประชาชนและจะต้องเกิดการลงทะเบียนด้วยความสมัครใจ
ส่วนการวอล์กอินจะเป็นมาตรการเสริมขึ้นมาในภายหลัง อาจดำเนินควบคู่กันได้ หากรัฐบาลมั่นใจว่าจะมีสต็อกวัคซีนที่เพียงพอ เพราะรัฐบาลจะต้องควบคุมความหนาแน่นในการเข้ารับวัคซีนของประชาชน ไม่เช่นนั้นก็อาจเกิดกรณีคลัสเตอร์ใหม่ คือคลัสเตอร์จุดการฉีดวัคซีน