วันนี้ (21 พ.ค.2564) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ข้อมูลล่าสุด เวลา 11.00 น. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่จำนวน 842 คน รักษาหาย 319 คน รวมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 14,049 คน และพบการติดเชื้อรายใหม่ในทัณฑสถานหญิงธนบุรี ทำให้มีเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศที่พบผู้ติดเชื้ออยู่ จำนวน 12 แห่ง
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีการตรวจเชื้อในผู้ต้องขังแล้วจำนวน 36,627 คน ตรวจครบ 100% จำนวน 8 แห่ง
- เรือนจำกลางเชียงใหม่
- เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
- ทัณฑสถานหญิงกลาง
- เรือนจำกลางคลองเปรม
- เรือนจำพิเศษธนบุรี
- ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง
- เรือนจำจังหวัดนนทบุรี
- ทัณฑสถานหญิงธนบุรี
โดยยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจหาเชื้อให้ครบ 100% ในเรือนจำกลุ่มเสี่ยงเพิ่ม รวมถึงการ SWAB หาเชื้อซ้ำทุก ๆ 7 วันในกลุ่มที่ยังไม่พบเชื้อจนกว่าสถานการณ์จะปกติ
ส่วนความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีน ตามที่ได้รับแจ้งยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข ว่าพร้อมฉีดวัคซีนโดยเริ่มจากกลุ่มผู้ต้องขังที่ยังไม่ติดเชื้อ ผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิต เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถานเขตกรุงเทพมหานครไปแล้ว 1,683 คน จากทั้งหมด 1,770 คน คิดเป็น 95% สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาค จะเป็นการดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ในการดำเนินการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการให้เรือนจำและทัณฑสถาน ดำเนินการป้องกันการติดเชื้อจากบุคคลภายนอก โดยเฉพาะการส่งอาหาร ด้วยการให้ผู้ส่งอาหารสวมชุด PPE พร้อมสวมหน้ากากอนามัย และ Face Shield ให้พร้อม โดยต้องเข้า-ออกเพื่อส่งสินค้าให้เร็วและใช้เวลาน้อยที่สุด สำหรับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปแดนต่างๆ ก็ต้องสวมชุด PPE เพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออีกทาง