นายวีระพงศ์ มาลัย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ภาพรวมประมาณเศรษฐกิจเอสเอ็มอี ไตรมาส 1 ปี 2564 คาดว่าจะติดลบร้อยละ 4.8 จากเดิมที่คาดไว้ติดลบร้อย 2-2.4 เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ระบาดรอบใหม่กระทบต่อรายได้ ภาระหนี้ ทำให้ยากต่อการฟื้นตัวของกิจการ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคที่ชะลอตัวลง
ตัวเลขปิดกิจการไตรมาสแรกปี 2564 มีประมาณ 20,000 ราย สะท้อนจากตัวเลขลูกจ้างที่ขอชดเชยจากประกันสังคม สูงร้อยละ 200-300 หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบความรุนแรงยังไม่เท่ากับช่วงที่เกิดการระบาดในรอบ 1-2
ส่วนตัวเลขเปิดกิจการใหม่เพิ่มขึ้น 23,000 ราย เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่เปิดกิจการใหม่มีประมาณ 20,000 ราย เนื่องจากแรงงานที่ถูกเลิกจ้างงานหากิจการใหม่ เช่น การค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และบางธุรกิจปรับตัวหันมาขายออนไลน์ ทำให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกจากธุรกิจเอสเอ็มอีส่งออกยังฟื้นตัวได้ เพราะตลาดต่างประเทศที่กลับมาดีขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น
ทั้งนี้ สสว.อยู่ระหว่างจัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ด้านยอดขายและลดค่าใช้จ่าย เช่น โครงการเอสเอ็มอีคนละครึ่ง และการดึงเอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบจัดซื้อจ้างภาครัฐให้ได้ตามเป้าหมาย 100,000 รายจาก 30,000 รายในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณปี 2565 เพราะ สสว.ถูกตัดงบฯ ร้อยละ 30 จากงบฯ ที่ขอไปทั้งหมด 1,000 ล้านบาท
ขณะที่ โชนรังสี เฉลิมชัยกิจ ประธานกิตติมศักดิ์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า จากการสอบถามเอสเอ็มอีในหลายจังหวัด มีมากกว่าครึ่งที่ปิดกิจการแล้ว เพราะแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหวและขาดรายได้ ขณะเดียวกันไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อภาครัฐได้ ทำให้หลายธุรกิจต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบ ดังนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่กำลังรอเงินกู้ซอฟโลนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำลังปรับเกณฑ์ใหม่ โดยคาดหวังจะได้รับเงินกู้โดยเร็วมากกว่าได้ดอกเบี้ยต่ำ
ด้านกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เตรียมจัดกิจกรรมเยียวยาวิสาหกิจชุมชน ผ่านการจัดกิจกรรมออนไลน์ หรือ Virtual Event เชื่อมโยงผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 140 ร้านค้า เช่น ขายสินค้า และให้คำปรึกษาการเงิน วันที่ 11-15 มิ.ย.นี้