วันนี้ (15 มิ.ย.2564) แกนนำพรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ,นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงษ์, นายชัยธวัช ตุลาธน และนายรังสิมันต์ โรม ร่วมแถลงจุดยืนของพรรคต่อการแก้รัฐธรรมนูญ โดยชี้ว่าการเมืองจะพ้นวิกฤตคือการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยกร่าง โดย ส.ส.ร.
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับร่างพรรคเพื่อไทย ที่จำกัดการแก้หมวด 1-2 ซึ่งเป็นการสร้างบรรทัดฐานการเมืองที่ผิด ด้วยเชื่อมั่น ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน ชอบธรรมทางประชาธิปไตย ส.ส.ร.ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้าง โดยพรรคก้าวไกลจะเสนอหลัง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติประกาศบังคับใช้
ย้ำจุดยืนปิดสวิตช์ ส.ว.โหวตนายกฯ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ส.ส.พรรคก้าวไกล ยังเห็นชอบประเด็นปิดสวิตซ์ ส.ว. 250 คน โดยจะลงชื่อเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ร่วมฝ่ายค้าน และยื่นต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ พร้อมย้ำว่า ทางออกวิกฤตรัฐธรรมนูญไม่ใช่เข้าร่วมแก้รัฐธรรมนูญตามเกมของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีเจตจำนงพิทักษ์รัฐธรรมนูญระบบคณะรัฐประหาร โดยยังเรียกร้องให้ประธานรัฐสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะพิจารณร่างแก้รัฐธรรมนูญ หรือวาระอื่น ๆ
ขณะที่ระบบเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลเห็นว่า หากจะแก้ต้องมีเป้าหมายในการสร้างระบบเลือกตั้งที่ดี ไม่เพียงแสวงหาระบบที่พรรคการเมืองใหญ่ได้ประโยชน์มากที่สุด และระบบเลือกตั้งที่ดีต้องทำให้ทุกเสียงมีความหมาย โดยเฉพาะต้องสะท้อนความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังไม่ดีพอ ส่วนระบบเลือกตั้งปี 2540 ยังมีข้อด้อย

พรรคก้าวไกล เห็นว่า ระบบเลือกตั้งที่ดี คือ ระบบจัดสรรปันส่วนผสมหรือ MMP ของเยอรมนีที่ใช้บัตร 2 ใบ เขตและบัญชีรายชื่อ คำนวณจำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรค โดยเสียงประชาชนไม่ตกน้ำ ได้สัดส่วน ส.ส.ของแต่ละพรรคตามเจตนารมณ์มากที่สุด พร้อมปฏิเสธถึงข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งที่พรรคอาจเสียเปรียบ ตามที่ฝ่ายรัฐบาลและเพื่อไทยเสนอ แต่ยืนยันพรรคก้าวไกลพร้อมต่อสู้ในสนามเลือกตั้งไม่ว่าเป็นระบบเลือกตั้งใด
"ระบบ MMP ที่พรรคก้าวไกลจะเสนอ คือบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใบหนึ่งเลือก ส.ส.เขต และอีกใบเลือกพรรคการเมือง โดยกำหนดสัดส่วน ส.ส.เขต 350 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 ตามเดิม"
หวั่น พปชร. ชงแก้ระบบเลือกตั้งสืบทอดอำนาจ คสช.
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังมองว่า ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายมาตราของพรรคพลังประชารัฐสร้างความสับสนและมีความพยายามเบี่ยงเบนเป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อเป้าหมายการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ที่แฝงเจตนาต่ออายุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย ผ่านการแก้ไขระบบเลือกตั้งที่มีความได้เปรียบ ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจทุนที่ให้ ส.ส.เข้าไปเบียดบังงบประมาณแทรกแซงข้าราชการได้ง่ายขึ้น โดยเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญควรพุ่งเป้าแก้การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร