วันนี้ (28 มิ.ย.2564) พล.ร.ต.พงษ์ศักดิ์ สมบุญ ผบ.กองเรือดำน้ำ กล่าวถึงความคืบหน้าการต่อเรือดำน้ำ S26T ลำแรกที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านการสัมมนาออนไลน์ "เรือดำน้ำกับเสถียรภาพในภูมิภาคและความมั่นคงของไทย" ว่า
ตามข้อตกลงจีนต้องส่งมอบเรือดำน้ำให้ไทยในปี 2566 แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เมืองอู่ฮั่น อาจมีผลกระทบเรื่องระยะเวลาเล็กน้อย

แต่ได้ประสานกับคณะกรรมการควบคุมการต่อเรือ ให้เร่งรัดทางจีน เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผน และในตอนนี้จีนได้เร่งปรับแผน เพื่อส่งมอบให้ทันตามกำหนดเดิม และขณะนี้กองทัพเรือได้เตรียมคัดเลือกกำลังพลชุดรับเรือไว้แล้ว

ผบ.กองเรือดำน้ำ กล่าวว่า หลังจากได้รับมอบเรือในปี 2566 แล้วจะต้องนำเรือกลับมาทดสอบ ซึ่งจะต้องฝึกและเรียนรู้เพิ่มเติมโดยมีเจ้าหน้าที่จีนเดินทางมาฝึกกับฝ่ายไทยด้วย เพื่อความชำนาญมากขึ้น
ทั้งนี้สามารถฝึกและปฏิบัติการได้ในเวลาเดียวกัน เพราะเวลาอยู่ใต้น้ำก็สามารถปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวนหาข่าวได้

ผบ.กองเรือดำน้ำกล่าวต่อว่า เรือดำน้ำไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับความขัดแย้งเท่านั้น แต่เป็นการสร้างพลังอำนาจในเชิงป้องปราม และเพิ่มอำนาจการต่อรองทางการทูต เช่น กรณีประเทศสิงคโปร์ ที่สะสมเรือดำน้ำและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย
ขณะที่ พล.ร.ท.วิเลิศ สมาบัติ อดีตผู้บัญชาการกองเรือดำน้ำ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ไทยยังไม่มีเรือดำน้ำประจำการ ทำให้ศักยภาพของกองทัพเรือไทยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียนลดลงจากเดิม ที่เคยอยู่ในอันดับหนึ่งตกลงมาอยู่ที่ระดับกลางๆ ด้วยเหตุว่ายังขาดมิติเรือดำน้ำ
ทำให้พลังอำนาจทางทหารด้อยลงอย่างมาก และแม้ไม่มีสงคราม หรือสถานการณ์วิกฤต แต่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในเชิงป้องปราม เพราะมิติด้านความมั่นคงซับซ้อนมากขึ้น

ขณะะเดียวกัน พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.ได้กล่าวในที่ประชุมผู้บังคับบัญชาระดับสูง และหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ ขอให้ทุกหน่วยร่วมขยายผลสร้างการรับรู้ สนับสนุนโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือที่กำลังดำเนินการอยู่
ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่า การจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นการทำเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม และประเทศชาติ ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้หนึ่งผู้ใด