วันนี้ (5 ก.ค.2564) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ในช่วงเช้าของวันนี้ได้เกิดเหตุโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ในซอยกิ่งแก้ว21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมากนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานเหตุการณ์ในครั้งนี้และได้กำชับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานด้านการป้องกันสาธารณภัยให้ประสานการทำงานกับทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยกับประชาชนมีประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นอันดับแรก เนื่องจากโรงงานที่เกิดเหตุตั้งอยู่ในชุมชน เป็นโรงงานที่มีคลังเก็บสารเคมีไว้จำนวนมาก
นอกจากผลกระทบจากแรงระเบิดแล้ว อาจมีผลกระทบในส่วนมลพิษทางอากาศด้วย จึงขอให้การควบคุมสถานการณ์ดำเนินการอย่างรอบด้าน พร้อมกับให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติภารกิจลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศไทย นายกฯจึงขอให้กระทรวงคมนาคม บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อติดตามข้อมูล ประเมินเหตุที่เกิดขึ้นว่าส่งผลกระทบต่อการให้บริการของท่าอากาศยานหรือไม่เพียงใด เพื่อปรับการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสากล หากมีการเปลี่ยนแปลงใดขึ้นก็ให้เร่งแจ้งข่าวสารผู้ใช้บริการทราบต่อไป
สนามบินสุวรรณภูมิ เผยไม่กระทบ-ยังให้บริการได้
ด้านนายกฤติยา ก้อนทอง รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฎิบัติการ 2) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุระเบิดภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
ขณะที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้ติดตามข้อมูลและตรวจสอบเหตุที่อาจกระทบต่อการให้บริการของ ทสภ.อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ จากการติดต่อประสานงานกับศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศสุวรรณภูมิ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และ กองอุตุนิยมวิทยาการบิน กรมอุตุนิยมวิทยา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการขึ้น-ลง ของอากาศยานและยังคงสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ทสภ.ได้มีการติดตามข้อมูลและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานฝ่ายปกครอง และ ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศฯ เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนไว้รองรับหากเกิดกรณีฉุกเฉินไว้แล้ว
นายกฤติยา กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ทสภ.ยังได้ให้การสนับสนุนภารกิจบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยงานต่างๆ อย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนให้เร็วที่สุด
ในการนี้ ทสภ.ได้จัดพื้นที่บริเวณใกล้เคียงสถานีดับเพลิงและกู้ภัยฝั่งตะวันตกซึ่งอยู่ในเขตการบิน เป็นพื้นที่สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมสนับสนุนน้ำสำรองสำหรับใช้ในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ด้วย