วันนี้ (9 ส.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รายงานที่จัดทำโดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ภัยพิบัติในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งไฟป่าในตุรกี กรีซและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งน้ำท่วมในจีน และอีกหลายพื้นที่ที่เผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงสุดขั้ว
รายงานชี้ว่า สถานการณ์ขณะนี้ถือเป็นรหัสแดงสำหรับมนุษยชาติ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากน้ำมือมนุษย์อย่างชัดเจน รองหัวหน้า IPCC ระบุว่า สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวาง รวดเร็ว และรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายพันปี
ขณะที่อากาศที่อุ่นขึ้นยิ่งทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้ว ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ทั้งวิกฤตคลื่นความร้อน ภัยแล้ง น้ำท่วม และพายุฝน
นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า โลกจะมีอุณหภูมิสูงเกินเพดาน 1.5 องศาเซลเซียส ในปี 2030 หรืออีกประมาณ 20 ปี ซึ่งถือว่าเร็วกว่าการคาดการณ์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถึง 10 ปี

ด้านอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ระบุว่า รายงานฉบับนี้เป็นเหมือนเสียงระฆังมรณะสำหรับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน น้ำมัน หรือแก๊ส เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำลายโลกและประเทศต่าง ๆ ควรยุติการสำรวจและผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด และเปลี่ยนไปสนับสนุนพลังงานทดแทน
ขณะที่เกรตา ทุนเบิร์ก นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม วัย 17 ปี ชาวสวีเดน ระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า รายงานฉบับนี้ไม่ได้บอกอะไรที่น่าประหลาดใจ เพราะเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจจะยังสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ต้องจัดการวิกฤตให้เหมือนกับวิกฤตจริง ๆ
The new IPCC report contains no real surprises. It confirms what we already know from thousands previous studies and reports - that we are in an emergency. It’s a solid (but cautious) summary of the current best available science. 1/2
— Greta Thunberg (@GretaThunberg) August 9, 2021
ที่มา : BBC / AFP / Reuters / AP