วันนี้ (4 ต.ค.2564) อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ในทีมที่ตรวจสอบการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดของบริษัทเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ระบบที่เฟซบุ๊กกำลังใช้อยู่ในขณะนี้ กำลังสร้างความแตกแยกให้กับสังคมและก่อให้เกิดความรุนแรงต่อกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วโลก
ก่อนหน้านี้เคยมีการเรียกร้องให้เฟซบุ๊กปรับปรุงระบบแล้ว แต่บริษัทเลือกที่จะให้ความสำคัญกับผลกำไรของบริษัทมาก่อนความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ด้วยการคงระบบอัลกอริทึมแบบเดิมเอาไว้
การกระทำเช่นนี้จะเอื้อประโยชน์ให้กับเนื้อหาที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งาน แม้ว่าเนื้อหานั้น ๆ จะก่อให้เกิดความโกรธแค้น หรือเกลียดชังก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของการแสดงเนื้อหาในหน้านิวส์ฟีด ให้ปลอดภัยกับผู้ใช้งานมากขึ้น จะทำให้ผู้ใช้งานอยู่กับเว็บไซต์น้อยลง คลิกชมโฆษณาน้อยลงและบริษัททำเงินได้น้อยลงตามไปด้วย
และในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา เฟซบุ๊กตัดสินใจเปิดระบบความปลอดภัย เนื่องจากตระหนักถึงอันตรายหลังจากเฟซบุ๊กถูกใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ แต่บริษัทกลับปิดระบบดังกล่าวทันทีหลังการเลือกตั้ง ซึ่งอดีตพนักงาน มองว่า การดำเนินการนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุผู้ประท้วงบุกยึดอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ อดีตพนักงานคนนี้เป็นผู้นำเอกสารภายในของเฟซบุ๊กไปเปิดเผยกับสื่อและนักการเมืองอเมริกัน ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นงานวิจัยที่ระบุว่า เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมทำร้ายสุขภาพจิตของเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องรูปร่าง ส่งผลให้หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของเฟซบุ๊กต้องเข้าให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในแต่ละเดือนกว่า 2,890 ล้านคน ทั่วโลก
ที่มา : AFP และ Reuters