วันนี้ (8 ต.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วม จ.สระบุรี ล่าสุดโครงการชลประทานเริงราง จ.สระบุรี ใช้เวลาเกือบ 7 วัน ในการสร้างแนวกั้นชะลอน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก เพื่อไม่ให้ไหลไปยังจุดที่กำแพงคันกั้นน้ำที่พังทลาย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้แม้ว่าจะชะลอน้ำได้เสร็จแล้วขณะนี้ แต่จุดเกิดเหตุที่กำแพงกั้นน้ำพังทลายยังไม่ได้ดำเนินการซ่อมแซม
โครงการชลประทานเริงราง นำกองหินขนาดใหญ่จำนวนมากใส่ในตาข่ายลวดแล้วถมลงน้ำ (Gabion) เพื่อเป็นวิธีการชะลอน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก เพื่อชะลอน้ำเหนือไม่ให้ไหลไปลงยังจุดเกิดเหตุตรงกำแพงกั้นคลองพังทลาย ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 ม.ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เริงราง หรือ โครงการ R23 ใน อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี
นายนรินทร์ นิ่มวิญญา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเริงราง จ.สระบุรี
นายนรินทร์ นิ่มวิญญา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเริงราง จ.สระบุรี ระบุว่า อุปสรรคใหญ่ คือ มวลน้ำที่มากและไหลเชี่ยวในคลองชัยนาท ป่าสัก ที่ล้นเกินตลิ่ง ทำให้เมื่อเทหินลงไประยะแรกน้ำก็ยังล้นเกินกองหิน และนำเครื่องจักรหนักมาช่วยถมเพิ่ม และระหว่างดำเนินการก็เกิดปัญหาขอบสะพานชำรุดเป็นโพรงหลุมกว้างเกือบ 30 ม.
ทำให้ต้องซ่อมและอุดส่วนที่เป็นโพรงก่อน แต่ขณะนี้ได้ดำเนินการส่วนงานชะลอน้ำเสร็จแล้ว โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการ 7 วัน ซึ่งเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้แต่แรก จากอุปสรรคที่ต้องสู้กับมวลน้ำที่ไหลหลากเพิ่มต่อเนื่อง
ส่วนจุดเกิดเหตุที่กำแพงกั้นน้ำพังทลาย เป็นแนวยาวราว 30 ม. ทางนายนรินทร์ ระบุว่า จากนี้จึงจะเริ่มซ่อมแซมจุดที่เสียหาย เนื่องจากที่ผ่านมา ต้องระดมงานชะลอน้ำเพื่อลดความแรงและทะลักของมวลน้ำที่จุดเกิดเหตุก่อน พร้อมขออภัยประชาชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศพื้นที่แจ้งเตือนได้รับผลกระทบใน 3 อำเภอ จากสถานการณ์น้ำท่วมทั้งใน อ.บ้านหมอ , อ.ดอนพุด และ อ.หนองโดน รวมผู้ได้รับผลกระทบกว่า 3,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร เสียหายกว่า 2,000 ไร่
ขณะเดียวกัน ช่วงหลังเกิดเหตุกำแพงกั้นน้ำพังทลาย ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจตามพื้นที่การแจ้งเตือน ของ ปภ.พบน้ำแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ทั้งสถานที่ราชการ,ตัวเมืองตลาด ย่านการค้า ที่พักอาศัย และ พื้นที่การเกษตร และทางหน่วยงานเกี่ยวข้อง ต้องเร่งสร้างศูนย์อพยพและช่วยเหลือแต่ละพื้นที่อย่างเร่งด่วน