ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ทอท." เผยสายการบินแจ้งทำการบิน 440 เที่ยวบิน รับเปิดประเทศ

เศรษฐกิจ
29 ต.ค. 64
16:13
454
Logo Thai PBS
"ทอท." เผยสายการบินแจ้งทำการบิน 440 เที่ยวบิน รับเปิดประเทศ
"ทอท." เผย สายการบินแจ้ง 440 เที่ยวบิน พร้อมเดินทางเข้าไทย รับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ คาดผู้โดยสาร ยังไม่กลับมาในทันที ประเมินจะกลับสู่สภาวะปกติในปี 2566

วันนี้ (29 ต.ค.2564) นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) กล่าวยืนยันความพร้อมในการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.นี้ ว่ามีความพร้อม 100% ตามนโยบายของรัฐบาล เบื้องต้นมีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินพาณิชย์มาประมาณ 440 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินภายในประเทศ 230 เที่ยวบิน เที่ยวบินระหว่างประเทศ 110 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขนส่งสินค้า 100 เที่ยวบิน

 

คาดว่า จะมีผู้โดยสารเดินทางผ่าน ทสภ.ประมาณ 30,000 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารภายในประเทศ 23,000 คน และระหว่างประเทศ 7,000 คน โดยก่อนหน้านี้มีผู้โดยสารประมาณ 142 ล้านคน คาดว่าในปี 2565 น่าจะมีผู้โดยสารกว่า 60 ล้านคน

เตรียมพร้อมเครื่องเช็กอินอัตโนมัติ

ทอท.ได้เตรียมเปิดให้บริการเครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ และเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติเหล่านี้เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารทำการเช็กอินด้วยตนเอง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียมนำมาให้บริการผู้โดยสารขาออก เพื่อลดคน ลดการสัมผัส แบบ New Normal ซึ่งการใช้งานเมื่อผู้โดยสารเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติแล้ว สามารถนำกระเป๋าสัมภาระโหลดผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติด้วยตนเอง ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดเวลารอคิวเช็กอิน นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถเช็กอินล่วงหน้าเป็นเวลา 6 - 12 ชม.ก่อนเดินทาง

 

ส่วนความคืบหน้า อาคารผู้โดยสารอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เพื่อแบ่งผู้โดยสารมาจากอาคารผู้โดยสารหลัก ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคน โดยอาคารนี้จะให้บริการผู้โดยสารขาออกที่ได้ทำการเช็กอินและโหลดกระเป๋าสัมภาระ ณ อาคารผู้โดยสารหลักเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นผู้โดยสารเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ หรือ APM เพื่อนั่งรถไฟฟ้า มายังอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ระยะทาง 1 กม.ใช้เวลาประมาณ 2 นาที และสามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากถึง 210 คนต่อขบวน หรือประมาณ 5,900 คนต่อชั่วโมง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบของระบบ

การเปิดให้บริการจะต้องดูความเหมาะสมผู้โดยสารและตารางการบิน อย่างน้อยมีผู้โดยสาร 45 ล้านคน เพราะหากเปิดใช้งานเลยจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 331 ล้านบาท หรือ 3 เดือน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดได้ในเดือน เม.ย.2566

จับตาอุตสาหกรรมการบิน พ.ย.นี้

นายนิตินัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงการเปิดประเทศต้องจับตาเรื่องอุตสาหกรรมการบินในเดือน พ.ย. เพราะจะมองเห็นภาพของอุตสาหกรรมในระบบ เพราะบางส่วนมีการหยุดกิจการชั่วคราวและมีการพักชำระหนี้

ด้านการบินก็มองว่าจะเห็นแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารมากขึ้น แต่การเปิดประเทศไม่ได้หมายความว่า จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการทันที เพราะแต่ละสายการบินต้องมีการวางแผนการซื้อน้ำมัน การขายตั๋วโดยสารล่วงหน้าที่อย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณเดือนเศษจึงคาดหวังว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ทันช่วงปีใหม่

 


ทอท.คาดกลางปีหน้า ผู้โดยสารทอยอยกลับมา

ส่วนช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ยอดการขายตั๋วโดยสารคาดว่า น่าจะยังไม่ดีนักและแนวโน้มของประเทศจีนไม่ปล่อยผู้โดยสารอาจจะยาวไปถึงช่วงตรุษจีน แต่ยังต้องรอลุ้นในช่วงการมีเอเชียนเกมส์เดือน ก.ย.ปีหน้า จึงคาดว่าเดือน เม.ย. - พ.ค.ปีหน้า ผู้โดยสารจะกลับมา ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2566 อุตสาหกรรมการบินจะทยอยกลับเข้ามาปกติ

"ดอนเมือง" ไม่มีผู้โดยสารถึงกลางเดือน พ.ย.

ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) มองว่า จะยังไม่มีผู้โดยสารต่างชาติจนถึงกลางเดือน พ.ย.ซึ่งยังต้องทำตลาด แตกต่างกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ที่มีเที่ยวบินทุกวันซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินเดิมที่ทำการบินอยู่ โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. มีมติให้เปิดให้บริการในเดือน เม.ย.2566 เพราะมั่นใจว่า ในช่วงตารางบินฤดูหนาว (Winter) ต.ค. - ธ.ค.2565 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการ ทสภ.จำนวน 36 ล้านคน หรือประมาณ 80% ของขีดความสามารถในการรับรองผู้โดยสารของ ทสภ.ที่สามารถรับได้ 45 ล้านคน ดังนั้นอาคารผู้โดยสารหลักของ ทสภ.ยังสามารถรองรับได้อยู่

 

 

นายนิตินัย กล่าวว่า การเปิดประเทศเดือน พ.ย.นี้ คาดว่า จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารคงยังไม่ได้กลับมาในทันที และมีจำนวนไม่มาก เพราะการจองตั๋วส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะจองล่วงหน้าใช้ระยะเวลาเป็นเดือน ต้องขอบคุณรัฐบาลที่เปิดประเทศในเดือน พ.ย.นี้ ถือเป็นเดือนที่เหมาะสม หวังว่าจะกลับมามากขึ้นทันในช่วงเทศกาลปีใหม่

 

กรณีแอร์ไลน์จะมี Cabin Factor และ load Factor (อัตราบรรทุกผู้โดยสาร) พุ่งสักประมาณ 60% พอถึงตอนนั้นต้องพิจารณาว่าเมื่อจีนเปิดแล้วจะมี Cabin Factor และ load Factor ถึง 60-70% หรือไม่ จึงอยากให้รอดูใน 3 จุดหลักคือ 1) การเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะมีผู้ประกอบการเหลือรอดเท่าไหร่ และยังต้องมีการเตรียมการและหวังว่าจะเตรียมการแล้วเสร็จทันปีใหม่ที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว 2)เดือน ธ.ค.ปีใหม่ค่อยมาดูว่ามีตัวเลขผู้โดยสารเท่าไหร่ แต่ว่าคงยังไม่เต็มที่เพราะจีนยังไม่มา และหลังจากจีนเปิดประเทศก็ต้องมาดูแต่ละอุตสาหกรรมถึงจุดคุ้มทุนหรือยัง ถึงจะสามารถมองเห็นภาพรวมของห่วงโซ่อุปสงค์อุปทาน 3) และ 3.จุดคุ้มทุนของท่าอากาศยาน และสายการบิน ต้องรอดูว่าเมื่อผู้โดยสารจีนกลับมาแล้ว จะทำให้ผู้โดยสาร ทอท. กลับมาอย่างน้อย 50% และสายการบินมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร 60-70% ขึ้นไป ได้หรือไม่

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง