ตร.จับแก๊งเงินกู้ออนไลน์นายทุนจีน พบเงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท

อาชญากรรม
4 พ.ย. 64
14:53
1,379
Logo Thai PBS
ตร.จับแก๊งเงินกู้ออนไลน์นายทุนจีน พบเงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
ตำรวจนครบาลจับเครือข่ายปล่อยเงินกู้ออนไลน์คุมตัวผู้ต้องหาได้ 32 คน ตรวจยึดของกลางโน๊ตบุ๊ก 42 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 64 เครื่อง พบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้าน ตรวจสอบปลายทางการเงิน เบื้องต้น พบโอนเข้าบัญชีนายทุนสัญชาติจีน

วันนี้ (4 พ.ย.2564) ตำรวจนครบาลนำหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวม 4 แห่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กจำนวน 42 เครื่องโทรศัพท์มือถือ 64 เครื่องและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต- อุปกรณ์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อีกหลายรายการ พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 32 คน


พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้มากกว่า 100 บัญชีพบเงินหมุนเวียนรวมมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องขออายัดบัญชีเอาไว้แล้วเบื้องต้น 39 บัญชี โดยปลายทางการเงินโอนเข้าไปในบัญชีชายชาวจีน 4 คน 4 บัญชี คาดว่าเป็นนายทุน ซึ่งในจำนวนนายทุนทั้ง 4 คน หลบหนีการจับกุมไปได้ 2 คน และยังมีพนักงานอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างติดตามตัว ซึ่งศาลออกหมายจับแล้ว


ด้าน พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ผู้เสียหายในคดีนี้ ได้เข้าร้องทุกข์แจ้งความในช่วงเดือนกันยายน ที่ผ่านมา หลังได้กู้ยืมเงินจาก กลุ่มผู้ต้องหา ภายใต้ชื่อบริษัท “เงินกู้เซลฟ์เซอร์วิส” หลายครั้ง วงเงินรวมประมาณ 200,000 บาท ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ได้ชำระหนี้คืนไปเป็นเงิน 450,000 บาท รวมดอกเบี้ย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก เกินร้อยละ 50 จึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ฉลองกรุง


ทั้งนี้ ทางการสืบสวนสอบสวนพบว่า นอกจากมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดแล้ว กลุ่มปล่อยเงินกู้ยังมีพฤติกรรมการทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ด้วยการโทรและแชทสนทนาทางออนไลน์ กับผู้กู้ยืมรวมถึงทวงหนี้ผ่านเครือญาติ ทำให้เกิดความหวัดกลัวอีกด้วย

ขณะเดียวกันตำรวจยังเตือนประชาชนที่รับจ้างเปิดบัญชีหรือขายข้อมูลส่วนตัวให้ผู้อื่นใช้เปิดบัญชี เข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย เพราะจากกลุ่มผู้ต้องหา มีส่วนใหญ่ที่ต้องสงสัยเรื่องเลขบัตรประชาชนคือ รหัสตัวหน้า ระบุ ถิ่นฐานอยู่พื้นที่ทางภาคเหนือของไทย แต่สอบปากคำแล้วปรากฏว่า สื่อสารภาษาไทยได้ไม่ดีนัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเชิงลึกในเรื่องนี้ และเตือนถึงประชาชนทั่วไปที่ สมัครใจทำงานในบริษัทลักษณะนี้ ก็อาจจะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายด้วยเช่นกัน

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง