วันนี้ (6 มี.ค.2565) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงกรณีการเตรียมความพร้อมการส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุโขทัย ซึ่งเพิ่มจากเดิมเป็น 4 เขต ว่า เบื้องต้น มีการเตรียมผู้สมัครไว้แล้วทั้ง 2 เขต
เนื่องจากเป็นอดีตส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ คือนายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล ลงเขต 2 นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ลงเขต 1 ส่วนอีก 2 เขต ยังมีจำนวนผู้สมัครที่เกินกว่าจำนวนเขตอยู่จึงต้องขอเวลาในการกลั่นกรอง
ปชป.เฟ้นหาตัวผู้สมัครสุโขทัยอีก 2 เขต
นายจุรินทร์ระบุว่า การหาตัวผู้สมัครในพื้นที่ จ.สุโขทัย ไม่มีปัญหาอะไร และมั่นใจว่าจะส่งครบทั้ง 4 เขต ซึ่งจะเป็นคนที่มีศักยภาพ และเหมาะสมที่สุด ส่วนอีก 2 เขตที่เหลือจำเป็นต้องสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่หรือไม่ ตนมองว่าการทำโพลขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องทำทุกเขต หรือทุกจังหวัด
ส่วนการประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ จะวางยุทธศาสตร์เตรียมเลือกตั้งอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นการสัมมนา ส.ส.กรรมการบริหารพรรค รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะแลกเปลี่ยน ความเห็นต่อสถานการณ์ หลังปิดสมัยประชุมสภาฯ ซึ่งคงมีการหารือลึกลงไปถึงรายละเอียดสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันมากขึ้น
ต้องมีการประเมินสถานการณ์ว่า จะต้องมีการเลือกตั้งเมื่อใด แต่หากอยู่ครบเทอมก็จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2566 แต่หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง การเลือกตั้งอาจจะมาก่อนก็เป็นไปได้ เนื่องจากหลายฝ่ายก็คาดการณ์ตรงกัน
รวมทั้งการเพิ่มเติมผู้สมัครที่มีความเหมาะสม ในบ้างเขตบ้างพื้นที่ รวมไปถึงการกำหนดนโยบายเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งถือได้ว่าผู้แทนราษฎรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และก็จะนำมารวมกับนักวิชาการในส่วนกลางของพรรคด้วย
"จุรินทร์"ตอบไม่ได้นายกฯ ชิงยุบสภา
สำหรับกระแสข่าวการยุบสภาฯ ก่อน วันที่ 22 พ.ค.2565 จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับ 2 ส่วนในภาพหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม จึงขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันในคณะรัฐบาล
แต่ส่วนที่ 2 คือ การปฏิบัติภารกิจในสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะต้องทำงานร่วมกัน การพินิจพิจารณาตัดสินปัญหาต่างๆร่วมกัน อย่างมีทิศทางที่ชัดเจน
เมื่อถามว่าสัญญาณการยุบสภาฯ ก็ไม่เกิดขึ้นตามกระแสข่าวใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ ระบุว่า ตอบไม่ได้ มีเพียงแต่คนคาดการณ์ว่าจะมีหรือไม่มี แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ตนก็คิดว่ายังไม่มีอะไรในลักษณะที่จะนำไปสู่การยุบสภา แต่ต้องติดตามในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้งว่าจะเป็น
"องอาจ" ไม่เชื่อนายกฯ ยุบสภาหนีอภิปรายฯ
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และรองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า อาจชิงยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะคิดไปได้ว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อาจชิงยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนเปิดประชุมสภาในวันที่ 22 พ.ค.
ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่คิดยุบสภา หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถ้าดูจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาหลายครั้ง ฝ่ายค้านไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกที่จะสร้างผลสะเทือนกระทบต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาล ถึงแม้จะมีการอภิปรายถึงประเด็นการทุจริตก็เป็นข้อมูลที่พยายามเชื่อมโยงให้สังคมเห็นว่าน่าจะมีการทุจริตมากกว่า
ฝ่ายค้านอภิปรายไม่มีน้ำหนักล้มรัฐบาล
นายองอาจกล่าวว่า นอกจากนั้นก็จะเป็นการอภิปรายถึงการบริหารงานที่ผิดพลาดบกพร่องตามมุมมองของฝ่ายค้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงนำข้อมูลมาหักล้างคำอภิปรายได้เป็นส่วนมาก
หลายประเด็นที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปราย ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอต่อการล้มรัฐบาล ถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหน้า ช่วงปีสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎร เป็นแบบอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทั้งคณะ เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจกลายเป็นเวทีให้รัฐมนตรีมีโอกาสชี้แจงแถลงผลงานด้วยซ้ำไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง: