สอบเพิ่ม-ค้นบ้าน "จ๊อบ" คดีแตงโม โยงดื่มสุราบนสปีดโบต

อาชญากรรม
7 มี.ค. 65
14:54
3,116
Logo Thai PBS
สอบเพิ่ม-ค้นบ้าน "จ๊อบ" คดีแตงโม โยงดื่มสุราบนสปีดโบต
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจแถลงคดี "แตงโม" สอบปากคำแล้ว 65 ปาก ค้นบ้าน "จ๊อบ" ตรวจสอบชนิดสุรา และการดื่มบนสปีดโบต หลังพบทิ้งหลักฐานขวดในแม่น้ำเจ้าพระยา ยืนยันใช้เกียรติยศทำคดีตรงไปตรงมา-ไร้คนชี้นำ ตรวจโทรศัพท์-แชท ไม่มีความเชื่อมโยงลักษณะธุระจัดหา ล่อลวง หรือค้าประเวณี

วันนี้ (7 มี.ค.2565) เวลา 14.30 น. ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทางคดี คงไม่สามารถนำสิ่งที่อยู่ในสำนวนคดีมาเล่าให้ฟังได้ แต่จะบอกเล่าถึงประเด็นที่ประชาชนตั้งข้อสงเกต หรือสงสัย โดยจะแถลงความคืบหน้าในทุกวัน เวลา 10.30 น.

 

ขณะที่ พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 1 และโฆษกคดีแตงโม กล่าวว่า ที่ผ่านมามีคำถามมากมาย สรุปเบื้องต้นได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง 65 ปาก ทั้งประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม พยานบุคคล พยานบอกเล่า

โดยวันนี้ได้สอบนายสันธนะ ประยูรรัตน์ และเจ้าของเรือเพิ่มเติม รวมทั้งนำนายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือ จ๊อบ ไปตรวจค้นบ้านพักและสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นสุรา หากคนบนเรือดื่มสุราจะตรวจสอบเป็นชนิดใด ประเภทใด ดื่มมากน้อยเพียงใด และส่งผลให้เมา หรือเกิดการทำพฤติกรรม หรือบริบทของคนบนเรือทั้งหมด เป็นสิ่งที่พยายามปะติดปะต่อ

จากภาพในโซเชียลมีเดียเป็นการดื่มไวน์ แต่ยังไม่ได้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุนำเหล้าชนิดใดขึ้นไปบนเรือ ซึ่งมีความแตกต่างในบริบทต่าง ๆ อาจทำให้คนบนเรือเสียอาการ เสียทรง ตอบโจทย์ในสังคมได้หรือไม่ว่าเหล้านำพาให้กระบวนการบนเรือเฉไฉมากกว่าการเกิดอุบัติเหตุ เราพยายามตอบโจทย์ตรงนี้อยู่ นอกจากนี้ยังรอผลชันสูตร เนื้อเยื่อ คาดว่าจะได้ทราบผลเร็ว ๆ นี้

เครื่องดื่มแต่ละชนิดก็จะให้ผลต่อผู้ดื่มที่แตกต่างกัน ตำรวจจำเป็นต้องทราบข้อมูลตรงนี้ เพื่อเอามาวิเคราะห์พฤติกรรมของคนบนเรือ ว่าจะมีบริบทที่นำพาไปในทิศทางที่มากกว่าการเป็นอุบัติเหตุหรือไม่

โดยผลของการตรวจค้นจะมีการสรุปในการแถลงข่าววันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) ส่วนทั้ง 5 คนบนเรือจะมีอาการมึนเมาหรือไม่นั้น ขอยังไม่ระบุ เพราะทั้ง 5 คน ก็มีทนายความ แต่หลักฐานเครืองดื่มที่อยู่บนเรือจะสามารถบ่งชี้ได้ 

ยันบนเรือมีการดื่มสุรา-โยนขวดทิ้ง

ด้าน พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ตอบกรณีการสอบปากคำว่า ขอให้อยู่ในสำนวน การดื่มไวน์ ดื่มแชมเปญ และการดื่มสุรา พบว่าในเรือมีชั้นสำหรับวางขวดเหล้า ซึ่งเรือลำนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการดื่ม เวลาดื่มเหลือจะไว้ในชั้นบนเรือ พอเกิดเหตุครั้งนี้ จึงเกรงว่าถ้ามีสุราหลายชนิดมากไป กลัวว่าจะมีความผิดหรือไม่ และเป็นสาเหตุหรือไม่ จึงนำขวดไปทิ้ง ซึ่งตำรวจได้เก็บหลักฐานว่าทิ้งอะไรไปมากน้อยแค่ไหน ส่วนใครจะดื่มอะไรมากน้อยต้องสอบสวน

 

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า อย่างที่มีการสงสัยตำรวจก็สงสัย ใครจะเสพอะไร จะดื่มอะไร เป็นรายละเอียดในสำนวน และถ้านำรายละเอียดมาเปิดเผยทั้งหมดจะเสียเปรียบทางคดี

นาทีนี้ ขอให้พนักงานสอบสวนในนาทีนี้ให้ทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมหลักฐาน ในสำนวนคดี ถ้านำมาบอกหมดไม่เหมาะสมในทางคดี

พบ 1 ใน 5 คนพูดโกหก-สอบแยกพูดไม่ตรงกัน 

พล.ต.ต.อุดร ระบุด้วยว่า จากการสอบพยานทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือจนถึงขณะนี้ มีคนที่พูดโกหก เพราะในการสอบแยก มีคนที่พูดไม่ตรงกัน แต่จะมีมากกว่า 1 คนหรือไม่นั้น ยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญของคดี ส่วนจะมีการแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทฯ กับคนบนเรือเพิ่มอีกหรือไม่ ก็มีแนวโน้มประมาณ 50 % แต่ยังต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะรวบรวมได้ว่าจะเพียงพอหรือไม่

ทุกคนมีทนายความ ประเด็นไหนที่พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานที่ปรากฏในอนาคต นั่นคือจุดตายของคณะทำงานและพนักงานสอบสวนที่อาจจะบกพร่องได้ ต้องมาโฟกัสในแนวทางเดียวกันว่าสิ่งที่ได้มา

สิ่งที่สื่อตอบ หรือสื่อที่ได้ข้อมูลมา หากเป็นประโยชน์พวกเราการันตีความตำรวจมืออาชีพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไงต้องนำผู้ต้องหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ที่มีพฤติการณ์ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย

พล.ต.ต.อุดร กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบการเช็กข้อมูล ทำตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุและคาดว่าจะสื่อสารกับใครจะเชิญมาสอบสวนทั้งหมด กระบวนการนี้ทำมาแล้ว และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์ได้นำมาสอบทั้งหมด ขณะนี้ 65 ปาก และเชื่อว่าจะถึง 100 ปาก โดยได้ข้อมูลเป็นประโยชน์มาก เพราะกระบวนการสืบสวนนี้สู้กับที่พี่น้องสื่อมวลชนและโซเชียล จะเฟกส์ ไม่เฟกส์เอามาสอบหมด จะทำอย่างไรแตงโมได้รับความยุติธรรม

พล.ต.ต.อุดร กล่าวว่า ไม่รู้ว่า "นายพล น." เป็นใคร แต่โดยปกติการทำงานของตำรวจจะสื่อสารในทุกหน่วยว่า สิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี เชื่อว่าธงของรูปคดี เชื่อด้วยเกียรติยศของผม และเกียรติยศตำรวจไม่มีใครเอาคอตัวเองเข้าไปอยู่ในคุก ใครจะมาสั่งหรือมาชี้นำไม่มีทาง

เตือนคนกุเรืองเฟกส์นิว “แตงโม”

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตอนนี้เกิดกระแสการสร้างข่าวเท็จบ้างจริงบ้าง เรื่องนี้ทำให้สังคมสับสน บางคนฉวยโอกาสกุเรื่อง ตัวเองได้ชื่อเสียง แต่สังคมเกิดความเสียหายและผิดกฎหมาย เมื่อเช้ามีการประชุมตำรวจกำลังติดตามคนกลุ่มนี้อยู่ ติดตามเบาะแสคนกลุ่มนี้ และถ้าไปได้จะจับกุม มาดำเนินคดีเร็วที่สุด


พล.ต.ต.ยิ่งยศ เน้นย้ำว่า การดำเนินการตำรวจตรงไปตรงมา และไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง เพราะมีหน่วยที่สอบทานหลากหลายทุกมิติ ทั้งทนาย ตำรวจ สื่อมวลชน ไม่อย่างนั้นคงไม่เปิดให้สื่อมาสอบถาม แต่กระแสที่สร้างขอให้เป็นเรื่องจริง และขณะนี้มีคนเอาข้อมูลเท็จมาเผยแพร่ อ้างอิงคนใหญ่ คนโตว่าอยู่เบื้องหลัง

ผมว่าคนที่กล้าเผยแพร่ ขอให้คิดให้ดี และพี่น้องที่เสพสื่อต้องพิจารณาว่าอะไรจริง และอะไรเท็จ นอกจาก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีอีกหลายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่ตัวเองมาที่มาวันนี้อยากจะมาชี้แจงกรณีมีข่าวเท็จที่เผยแพร่ สร้างเป็นนวนิยายเลยขอให้หยุดเผยแพร่

ตรวจ "โทรศัพท์-แชท" ยังไม่เจอปมธุระจัดหา

พล.ต.ต.อุดร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้ตรวจสอบหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่าง นำ GPS มาจับ หลักฐานดังกล่าวจะบอกได้หมดว่า 5-6 คนสื่อสารกับใครบ้าง ซึ่งอยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว โดยกลุ่มบุคคลได้สื่อสารถึงเหตุการณ์ "ตกน้ำ ทำอย่างไร" ไม่มีลักษณ์ไปเชิงที่บอกว่า "ผมเอาไปส่งพี่ไม่ได้นะ" ซึ่งไม่มีลักษณะธุระจัดหา หรือล่อลวงนำพา มอมยา หรือค้าประเวณี หลักฐาน ณ วันนี้ไม่มีประเด็นหลัง

เมื่อเช้าได้คุยกับทีมพนักงานสอบสวน โฟกัสขณะนี้ที่อยู่ในลำเรือช่วงเวลาใกล้เกิดเหตุน่าจะประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ ทุกคนในเรือไม่มีลักษณะเต้น หรือต่อสู้บนเรือ เพียงพอกับภาพทางเทคนิคว่าทุกคนไม่ได้ยื้อ หรือฉุดกระชาก เป็นช่วงเวลา 1-2 นาทีก่อนที่แตงโมตกน้ำ ประกอบกับพยานแวดล้อมและพยานบุคคล 

คนนอกร่วมสอบคดีไม่ได้-ไม่มีอำนาจ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวถึงกรณีคนนอกร่วมสอบสวน ว่า หากเป็นบุคคล หรือองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมาย และทางญาติโดยชอบด้วยกฎหมายร้องขอ ถือเป็นดุลพินิจที่ตำรวจทำได้ เช่น สภ.เมืองนนทบุรี จะนำนาย ก.ที่เป็นใครไม่รู้ ไม่มีอำนาจตามกฎหมายมาร่วมตรวจนั้นทำไม่ได้ เพราะงานนี้ต้องเป็นธรรมและชอบธรรม ใช้คนที่มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายระบุไว้มาทำงาน ซึ่ง กมธ.มีหน้าที่เรียกไปชี้แจง แต่ กมธ. ไม่ใช่พนักงานที่จะมานั่งสอบสวนร่วมด้วย

ยืนยันว่าใครที่จะมาตรวจสอบต้องมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย หน้าที่การสอบสวน คือ พนักงานสอบสวน และใครที่มีอำนาจและมีหน้าที่ อาจจะมีพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ มีอำนาจ แต่ไม่มีหน้าที่ที่ สภ.เมืองนนทบุรี ขอเทียบตรงนี้ดีกว่าว่าใครมีอำนาจและหน้าที่ 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

12 วันโซเชียลเกาะติด #แตงโมต้องไม่ตายฟรี คาใจปมคดี

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง