วันนี้ (10 เม.ย.2565) เวลา 07.00 น. เว็บไซต์ air4thai รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพบว่า ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 56-99 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ และเกินมาตรฐานทุกพื้นที่ที่มีเครื่องตรวจวัด
สำหรับพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- ริมถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ 99 มคก.ต่อ ลบ.ม. อยู่ในระดับ มีผลกระทบต่อสุขภาพ
- ริมถนนพุทธมณฑล 1 เขตตลิ่งชัน 87 มคก.ต่อ ลบ.ม. อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
- ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง 86 มคก.ต่อ ลบ.ม. อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
- แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี 85 มคก.ต่อ ลบ.ม. อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
- ริมถนนเจริญนคร เขตคลองสาน 85 มคก.ต่อ ลบ.ม. อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสาเหตุฝุ่นละอองปกคลุมหลายพื้นที่ว่า ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมของฝุ่นละอองหรือหมอกควันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อน และไม่มีฝนตกในระยะนี้
ขณะที่ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เปิดเผยว่า ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศ และภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ล่วงหน้า ในส่วนพื้นที่กรุงเทพปริมณฑล ภาพรวมช่วงวันที่ 10-16 เม.ย. จะมีแนวโน้มต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นในพื้นที่ ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง และจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังวันที่ 11 เม.ย. เป็นต้นไป เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิด และไม่มีสภาพอากาศนิ่งในพื้นที่
ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ แนวโน้มของสถานการณ์ในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. ควรเฝ้าระวังเป็นหากจุดความร้อนมีจำนวนเยอะอาจเกิดสถานการณ์ที่ค่าฝุ่นละอองขึ้นสูงโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน "ฝั่งตะวันออก" เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดสภาพอากาศนิ่งในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังวันที่ 11 เม.ย.สถานการณ์บริเวณภาคเหนือจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับพลังงานการยกตัวของมวลอากาศสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ