วันนี้ (15 เม.ย.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนไทย 68 คนที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์และหลอกลงทุนในกรุงพนมเปญ เมืองพระสีหนุ และเมืองบาร์เวต ประเทศกัมพูชา เดินทางกลับประเทศไทยผ่านด่านชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.) และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับตำรวจกัมพูชาเข้าช่วยเหลือ มีข้อมูลว่า ทั้งหมดถูกบังคับให้ทำงานหลอกคนไทย สร้างความเสียหายหลายร้อยล้านบาทต่อเดือน

คนไทยกลุ่มนี้ ให้ข้อมูลว่า พวกเขาเดินทางโดยรถตู้จากกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงไปที่ จ.สระแก้ว ก่อนเดินข้ามพรมแดนไปกัมพูชา จากนั้นมีรถมารับไปกักตัวที่อาคารหลังหนึ่ง แล้วถูกส่งตัวให้กลุ่มนายทุนชาวจีนที่มีสำนักงานอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทุกคนถูกบังคับให้ทำงานหลอกลวงคนไทย หากไม่ทำตามจะถูกทำร้ายร่างกาย บางคนถูกกักขัง หรือ ขายต่อให้นายจ้างคนอื่นในราคา 3,000 ดอลลาร์
เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยและผ่านมาตรการด้านสาธารณสุขป้องกันโรค COVID-19 แล้ว ทั้ง 68 คน ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการคัดแยกว่า ตกเป็นผู้เสียหายในขบวนการค้ามนุษย์ หรือ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตั้งแต่เป็นผู้โฆษณาหลอกลวง ผู้นำพา ผู้จัดหา หรือไม่ โดยจะแยกการดำเนินคดีตามตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ไทยพีบีเอสได้รับข้อมูลว่า ในจำนวนคนไทยทั้งหมดที่เดินทางกลับมาวันนี้ มี 27 คน ที่ตำรวจตรวจสอบรายชื่อพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีคอลเซ็นเตอร์ จึงขอศาลอนุมัติหมายจับ และจะถูกดำเนินคดีหลังกักตัวตามมาตรการสาธารณสุขครบกำหนด

ตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว มีการประสานงานช่วยเหลือคนไทยถูกหลอกและบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายที่กัมพูชา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์ และส่งกลับประเทศไทยแล้วกว่า 700 คน เพื่อตัดวงจรการหลอกคนไทยไปทำงานผิดกฎหมาย ศพดส.ตร.ออกหมายจับคนไทย 48 คน ที่ จ.พระสีหนุ ทำหน้าที่จัดหาคนไทยไปทำงานที่กัมพูชา ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุม
แท็กที่เกี่ยวข้อง: