“ชัชชาติ” กำชับปกป้องนักเรียนจากกัญชา-กระท่อม ขอร้านค้านอกรั้ว ร.ร.ร่วมมือ

สังคม
23 มิ.ย. 65
11:20
271
Logo Thai PBS
“ชัชชาติ” กำชับปกป้องนักเรียนจากกัญชา-กระท่อม ขอร้านค้านอกรั้ว ร.ร.ร่วมมือ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“ชัชชาติ” กำชับทุกฝ่ายร่วมปกป้องเด็ก ทำรอบรั้วโรงเรียนให้ปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม ชี้เรื่องพวกนี้อาจกระตุ้นเศรษฐกิจของคนบางกลุ่ม แต่อย่าเอานักเรียนเข้าไปเกี่ยวข้องเลย เพราะเด็กเป็นทรัพยากรสำคัญของเมือง

วันนี้ (23 มิ.ย.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม ที่โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง พร้อมกล่าวว่า โรงเรียนวิชูทิศเป็นหนึ่งใน 437 โรงเรียน ที่ดำเนินโครงการโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม

สืบเนื่องจากมีการปล่อยเสรีมากขึ้น จึงเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีผลกระทบกับนักเรียนในโรงเรียน หากเดินไปดูบริเวณ ถ.ประชาสงเคราะห์ จะพบมีใบกระท่อมจำหน่ายตลอดสาย จึงขอให้โรงเรียนทำแผ่นพับ ข้อมูลความรู้แจ้งให้กับเด็กนักเรียนทราบ

ภายในโรงเรียนไม่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากสามารถควบคุมได้ แต่สำคัญที่ภายนอกโรงเรียน ทั้งร้านค้า ร้านขายของที่อยู่นอกโรงเรียน จึงขอความร่วมมือติดป้าย เพื่อให้ความรู้ และให้ครู ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่เทศกิจช่วยตรวจตราบริเวณโดยรอบโรงเรียน รวมทั้งแจ้งเหตุ หากพบมีการขายของเหล่านี้ให้แก่เด็กนักเรียนหรือบุคลากร ทั้งนี้จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ได้ผลที่ดี นักเรียนมีความเข้าใจดีถึงโทษอันตรายของยาเสพติด ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ

ต้องขอบคุณร้านค้ารอบโรงเรียน ที่ให้ความร่วมมือ จริง ๆ แล้ว ลูกค้าก็คือเด็กนักเรียน ถ้าหากนักเรียนเกิดอันตราย ก็มีผลกระทบต่อการทำการค้า ดังนั้นความร่วมมือเป็นเรื่องสำคัญ อย่าดูแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น ขอให้ดูผลประโยชน์ของชุมชนระยะยาวด้วย

กัญชาอาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น สำหรับนักเรียนอย่าเอาเข้ามาข้องเกี่ยวเลย เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องมีการพัฒนาการอีกมาก บางเรื่องอาจจะยังไม่มีวิจารณญาณที่จะเลือก

ส่วนใบกระท่อมขณะนี้มีจำหน่ายทั่วไป และใกล้เคียงโรงเรียนมากขึ้น จนดูเป็นเรื่องปกติ ต้องให้ความรู้กับเด็กว่าเป็นสิ่งเสพติด ฝากครูและอาจารย์ให้ความรู้และอธิบายว่า พิษภัยของกระท่อมไม่ต่างจากกัญชามีพิษที่รุนแรง ขอขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าหยุดแค่ช่วงนี้ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง หากมีปัญหาอุปสรรคอะไรให้รายงานมา จะได้ช่วยแก้ปัญหา

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า วันนี้ถือเป็นก้าวแรก จะเห็นได้ว่าความปลอดภัยของเด็กนักเรียน มีหลายเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด ตั้งแต่เรื่องทางม้าลาย การเดินทางของเด็กที่มาเรียน ข้อหนึ่งที่สำคัญคือเด็กส่วนใหญ่ 70 % มาโรงเรียนด้วยรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเด็กไม่มีหมวกกันน็อก เนื่องจากเด็กศีรษะเล็ก ต้องใช้หมวกกันน็อกขนาดเล็ก

 

จากการสำรวจเด็กนักเรียน 270,000 คน ในสังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า มีความต้องการหมวกกันน็อกขนาดเล็ก 120,000 ใบ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้สนับสนุน เบื้องต้นทราบว่า บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จะสนับสนุนทั้งหมด โดยจะบริหารจัดการให้เป็นของใช้ส่วนกลางของโรงเรียน ให้เด็กยืมไปใช้ในแต่ละเทอม จะได้ไม่ต้องหาใหม่ทุกเทอม เมื่อเด็กโตขึ้นก็อาจใช้หมวกกันน็อกปกติได้ เมื่อเอามาคืนก็ล้างทำความสะอาดและให้รุ่นต่อไปยืมไปใช้ต่อ

นอกจากนี้ วันนี้ได้นำตัวอย่างเทคโนโลยีมาใช้เกี่ยวกับการดูแลเด็กเข้าออกโรงเรียน ใช้ระบบตรวจจับใบหน้า ดูเวลาเข้า-ออก รวมถึงการตรวจวัดค่าฝุ่นภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นตามนโยบายที่ประกาศว่า ต่อไปจะดูแลเรื่องฝุ่นให้เข้มข้น โรงเรียนต้องมีประกาศว่าแต่ละวันมีค่าฝุ่นเท่าไร อาจจะต้องมีห้องฟอกอากาศ มีหน้ากากอนามัยให้นักเรียนใช้เพียงพอ อย่างน้อยช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต

“เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดูแลทุกมิติ เนื่องจากเด็กคือทรัพยากรที่สำคัญสุดของเมือง ต่อไปจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลเมืองของเรา เราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีด้วย” นายชัชชาติกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง