ความหวังหลังเกษียณของ พนง.กทม. ปรับ "เพดานเงินเดือน-สวัสดิการ"

สังคม
19 ก.ค. 65
14:25
657
Logo Thai PBS
ความหวังหลังเกษียณของ พนง.กทม. ปรับ "เพดานเงินเดือน-สวัสดิการ"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดใจ พนักงาน กทม.ขอผู้ว่าฯ กทม. ช่วยปรับ "เพดานเงินเดือน-เร่งบรรจุ-สวัสดิการ" ก่อนปลดเกษียณ

พนักงาน กทม.กว่า 10,000 คน ที่ทำหน้าที่ดูแลความสะอาด ท้องถนน สถานที่ต่าง ๆ ไปจนถึงสวนสาธารณะ งานตกแต่งเพิ่มความสวยงามให้กับกรุงเทพฯ

สิ่งสำคัญในการเข้ามาทำงานในสังกัด กทม.แม้ว่าจะเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก แต่ด้วยความรู้ที่บางคนอาจมีไม่มาก สวัสดิการต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า ในการทำงาน

นางละมูล พันธุ์จันดี พนักงานดูแลสวนสาธารณะ หนึ่งในพนักงานของกรุงเทพมหานคร เล่าให้ไทยพีบีเอสออนไลน์ฟังว่า พื้นเพเป็นชาว จ.สุพรรณบุรี เข้ามาทำงานกับ กทม.ตั้งแต่ปี 2537 บรรจุเป็นพนักงานประจำเมื่อเดือน ก.พ.2539 รวมอายุงานกว่า 26 ปี ปัจจุบันอายุ 57 ปี จะเกษียณอายุในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือปี 2568

 

ละมูล เล่าว่า สิ่งที่เธอต้องการให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เข้ามาช่วยเหลือ คือ การปรับเพดานรายได้ ซึ่งขณะนี้เงินเดือนตันอยู่ที่ 21,000 บาท เมื่อหักเงินกู้สหกรณ์และเงินกู้ฉุกเฉิน ขณะนี้มีรายได้เหลือประมาณ 3,000 บาท จากนั้นก็จะกู้ฉุกเฉินอีกเดือนละ 3,000 บาท วนเวียนไปอย่างนี้ ทำให้เงินไม่พอใช้

หากเกษียณจะมีทางเลือก 2 ทางคือ การรับเงินบำเหน็จ หรือ เงินบำนาญ ซึ่งตนเลือกที่จะรับเงินบำนาญ โดยหลังเกษียณจะได้รับเงินเดือนละประมาณ 9,000 บาท ซึ่งอาจไม่มากนัก เฉลี่ยวันละ 300 บาท แต่หากมองในระยะยาวถือว่าดีที่สุด

ขณะที่เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ก็ไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ จากเดิมที่เบิกค่ารักษาพยาบาลให้กับตนเองและคู่สมรส บิดา มารดา และบุตรที่เบิกได้จนถึงอายุ 20 ปี หากมีส่วนนี้มาเสริมก็ถือว่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก 

พนักงาน กทม.มีความเสี่ยงมาก ทั้งพนักงานกวาดถนน เก็บขยะ ดูแลสวน ตัดต้นไม้ ทุกส่วนล้วนมีความเสี่ยง ก็ทำงานมา 30 กว่าปีก็เห็นว่ามีความยากลำบาก แต่ก็ทุกคนก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อให้กรุงเทพฯสวยงาม แต่ก็อยากให้มองเห็นถึงสิทธิและประโยชน์ของคนงานบ้าง หากปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ซักหน่อยก็จะดี ก็จะเป็นขวัญและกำลังใจของลูกน้อง

ละมูล ยังกล่าวว่า ระหว่างการทำงานมาเกือบ 30 ปี ได้วางแผนเกษียณอายุด้วยการซื้อที่ดินไว้ 1 แปลง ที่ จ.สุพรรณบุรี พร้อมปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพในช่วงบั้นปลายของชีวิต รวมถึงยังได้กลับไปดูแลพ่อที่ต่างจังหวัดด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนยังหวังให้มีการบรรจุพนักงาน เป็นพนักงานประจำที่รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะครอบครัวของตน ที่ลูกชายคนโต ขณะนี้เข้าทำงานที่ กทม.ด้วย

 

หากได้บรรจุก็จะช่วยให้ครอบครัว ได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลจากลูกชายซึ่งครอบคลุมตนและสามี เพราะเกรงว่าหากเกษียณอายุไปแล้ว เมื่อมีปัญหาสุขภาพอาจจะยิ่งลำบากมากขึ้นอีก

นี่จึงเป็นเพียงเสียงสะท้อนเล็ก ๆ จากพนักงานคนหนึ่งของ กทม.ที่หวังว่าจะได้รับการเหลียวมองและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้เธอ หลังเกษียณอายุราชการได้ 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง