ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เล็งใช้เชื้อ "ฝีดาษลิง" ชาวไนจีเรีย ทดสอบภูมิคนปลูกฝีในไทย

สังคม
16:02
427
เล็งใช้เชื้อ "ฝีดาษลิง" ชาวไนจีเรีย ทดสอบภูมิคนปลูกฝีในไทย
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้กลุ่มเสี่ยงสูง 27 คนเชื่อมโยงชาวไนจีเรียป่วย "ฝีดาษลิง" ผลลบแต่สิ่งส่งตรวจ เช่น ลูกบิดประตู ผ้าปูที่นอนผลบวก ไม่ชัดว่าจะแพร่เชื้อต่อได้หรือไม่ เล็งเพาะเชื้อจากแผลชาวไนจีเรียทดสอบภูมิคุ้มกันคนไทยปลูกฝีดาษว่าป้องกันได้หรือไม่

วันนี้ (25 ก.ค.2565) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ความคืบหน้าการตรวจหาเชื้อโรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง ในกลุ่มเสี่ยงสูง 27 คนที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อชาวไนจีเรีย โดยผลตรวจ 27 คนออกมาเป็นลบ

ส่วนการตรวจสิ่งแวดล้อม เช่น ลูกบิดประตู ผ้าปูที่นอน พบผลเป็นบวก แต่ยังบอกไม่ได้ว่า ที่เจอบวกนั้นสามารถแพร่เชื่อต่อได้หรือไม่

การติดเชื้อต้องมีความใกล้ชิดกันมาก ๆ ส่วนการสัมผัสต่าง ๆ นั้น โดยปกติ ผิวหนังคนเราจะมีมาตรการป้องกันเชื้อเข้าสู่ร่างกายอยู่แล้ว ยกเว้นว่าบริเวณผิวหนังมีบาดแผล แต่มาตรการใช้ป้องกันโรคโควิด-19 นั้น สามารถป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ ทั้งการล้างมือด้วยสบู่ และสเปรย์แอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง

ทดสอบเชื้อฝีดาษลิงชาวไนจีเรีย-เทียบคนปลูกฝีในไทย

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีการนำตัวอย่างเชื้อที่เก็บจากแผลของผู้ติดเชื้อรายแรกในไทย มาทำการเพาะเชื้อเพิ่มปริมาณ ก่อนนำไปทดสอบกับภูมิคุ้มกันของคนไทยที่เคยปลูกฝีดาษไปก่อนหน้านี้ว่าสามารถป้องกัน หรือทำลายเชื้อฝีดาษลิงได้หรือไม่

เบื้องต้นเชื้อไม่ค่อยขึ้น ขึ้นช้า จึงต้องรอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง หากมีความคืบหน้ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่มีผู้ออกมาให้ข้อมูลว่าบางสายพันธุ์ของโรคฝีดาษลิง สามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หู ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการแพร่เชื้อทางอากาศ แม้แต่โควิด-19 ที่ก่อนหน้านี้ออกมาบอกว่ามีการแพร่ทางอากาศ แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งโควิดเป็น RNA ซึ่งมีขนาดเล็กมากด้วยซ้ำ ส่วนเชื้อฝีดาษวานร เป็น DNA ไวรัส มีขนาดใหญ่กว่าโอกาสกลายพันธุ์จะไม่เร็ว

สรุปอาการ "ฝีดาษลิง"จาก 16 ประเทศทั่วโลก 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า สรุปอาการของฝีดาษลิงจาก 16 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง Thornhill JP และคณะ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาอาการฝีดาษลิง ในผู้ป่วย 528 คนจาก 16 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่เม.ย.-มิ.ย.ที่ที่ผ่านมา ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ระดับโลก New England Journal of Medicine ล่าสุด เมื่อ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา 

สาระสำคัญ คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกย์ และไบเซ็กชวล มีเพศสัมพันธ์กับทั้งเพศชายและเพศหญิง มีถึง 41% ที่ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ด้วย อายุเฉลี่ย (ค่ามัธยฐาน) 38 ปี (วัยทำงาน) 95% มีประวัติที่คาดว่าติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ 95%

จะเกิดผื่นตามผิวหนังหลังจากติดเชื้อฝีดาษลิง โดยผื่นจะพบบริเวณทวารหนักหรืออวัยวะเพศราวสามในสี่ (73%) อาการผิดปกติอื่นๆ ที่พบบ่อยก่อนเกิดผื่นคือไข้ (62%) ต่อมน้ำเหลืองโต (56%)  อ่อน เพลีย (41%) ปวดกล้ามเนื้อ (31%) ปวดหัว (27%) พบว่า 1 ใน 3 หรือ 29% ที่พบว่าติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส เริม

ระยะฟักตัวเฉลี่ย 7 วันเป็นได้ตั้งแต่วันที่ 3-20 วัน

นอกจากนี้นพ.ธีระ ยังระบุว่า ระยะเวลาฟักตัวฝีดาษลิง ตั้งแต่เริ่มติดเชื้อจนถึงเริ่มเกิดอาการป่วย เฉลี่ย 7 วัน โดยเป็นได้ตั้งแต่ 3-20 วัน ที่สำคัญคือ จากการตรวจน้ำอสุจิ 32 คน สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัสฝีดาษลิงได้ถึง 29 คน สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมของไวรัสในลำคอ และจมูก ได้ถึง 1 ใน 4 (26%) และยังตรวจพบในเลือดและปัสสาวะได้ในบางคน

ฝีดาษลิง ได้รับการประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยองค์การอนามัยโลก ประชาชนจึงจำเป็นต้องมีความรู้ ติดตามสถานการณ์ เพื่อให้รู้เท่าทัน และป้องกันตัวให้ห่างไกลจากฝีดาษลิง ระมัดระวังการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับคนแปลกหน้า หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานด้านบริการ ดูแลรักษา รวมถึงแหล่งบันเทิงท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทางเพศด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเดินทางระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวเสรี โอกาสมีการติดเชื้อแฝงในชุมชน และแพร่ระบาดย่อมมีสูง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผลตรวจเป็นลบ 19 ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ชายไนจีเรียป่วยฝีดาษลิง