สธ.ขอคืนหนังสือส่งถึงตำรวจ ขอทบทวนจับกุมการใช้กัญชา

สังคม
27 ก.ค. 65
21:29
529
Logo Thai PBS
สธ.ขอคืนหนังสือส่งถึงตำรวจ ขอทบทวนจับกุมการใช้กัญชา
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สธ.ขอคืนหนังสือส่งถึงตำรวจ ขอทบทวนกรณีให้จับกุมใช้กัญชา 4 กรณี เตรียมปรับปรุงประกาศกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม เหลือเฉพาะ “ช่อดอก” แทนทั้งต้น คาดสัปดาห์หน้าแล็วเสร็จ ส่วนการขายส่วนอื่น ๆ ยังทำได้ตามปกติ

จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง การดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขอให้ดำเนินการจับกุมผู้ฝ่าฝืนการใช้กัญชาที่เป็นสมุนไพรควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ใน 4 กรณีคือ 1.ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัยกัญชา 2.ไม่ขออนุญาตส่งออกกัญชา 3.ไม่ขออนุญาตจำหน่ายกัญชา และ 4.ไม่ขออนุญาตแปรรูปกัญชาเพื่อการค้านั้น

ล่าสุด วันนี้ (27 ก.ค.2565) นพ.ณรงค์ สายวงค์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกันแถลงข่าวด่วนกรณีดังกล่าว

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตามที่หนังสือดังกล่าวระบุถึงการให้ดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาต 4 กรณีดังกล่าวนั้น เพื่อต้องการคุ้มครองผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีตั้งครรภ์และสตรีให้นมบุตร

จากที่ได้มีการตรวจสอบหนังสือและปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปให้มีการข้อสั่งการให้อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้ทบทวนในรายละเอียดประเด็นที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอต่อไป ทั้งนี้ นำหนังสือฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาทบทวนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด

ด้าน นพ.ยงยศ กล่าวว่า จากการประชุมของอนุกรรมการกฎหมายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯ ซึ่งทางอนุกรรมการกฎหมายได้มีการปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อความสมบูรณ์ในการประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม อาจจะต้องปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนมากขึ้น ใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ประชาชนที่ใช้กัญชาดูแลสุขภาพต้องไม่ได้รับผลกระทบ 2.ไม่มีผลทางกฎหมายกับความผิดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีประกาศฉบับดังกล่าว

3.ความชัดเจนของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่และไม่มีความผิด และ 4.กัญชาเป็นพืชที่มีความสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจและคุณค่าทางการแพทย์ การเปิดโอกาสให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม ถูกด้อยค่า ไม่ควรเกิดขึ้น

ฉะนั้น ทางอนุกรรมการฯ เห็นเบื้องต้นว่า ควรปรับปรุงประกาศสธ.เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ให้ชัดเจน โดยประเด็นหลักเช่น ประกาศให้เฉพาะช่อดอกกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาด้วยส่วนประกอบอื่นที่ไม่ใช่ช่อดอก จะสามารถดำเนินการได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ประกาศจะเป็นตามขั้นตอนคือ ส่งให้ปลัดสธ. และรมว.สาธารณสุข ลงนามเพื่อประกาศใช้ คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า

 

นพ.ยงยศ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่เดิมกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ฉบับปรับปรุง เช่น จะกำหนดให้เฉพาะช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมเท่านั้น ส่วนราก ใบ กิ่ง ก้าน ต้น ที่ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์โดยร้านอาหารหรือผู้ประกอบการที่ไม่ได้ใช้ช่อดอก ซึ่งมีการค้าขายทั้งหมดอยู่ขณะนี้ สามารถดำเนินการได้ตามปกติ

และมีการกำหนดปริมาณเหมาะสม ที่ครัวเรือนสามารถใช้ประโยชน์จากช่อดอก ที่ปลูกไว้ใช้ 10-20 ต้นได้ ซึ่งปริมาณเท่าไหร่จะมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง เป็นต้น โดยจะมีการเสนอคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯที่มีปลัดสธ.เป็นประธานพิจารณาก่อนเสนอรมว.สธ.ลงนามต่อไป คาดว่าสัปดาห์หน้าจะดำเนินการแล้วเสร็จ

ส่วนข้อกังวลว่าจะมีการบังคับใช้ จับกุม ขอยืนยันว่า น่าจะยังไม่เกิดขึ้น ยกเว้นผู้ที่วางพันลำขายข้างถนน การผลิตเพื่อให้เสพโดยการสูบ ซึ่งเราชัดเจนว่าเราพยายามขีดวงการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างรอประกาศฉบับปรับปรุงนี้ จะมีการดำเนินการจับกุมกับผู้ดำเนิน 4 กรณี ตามหนังสือที่ส่งถึงตำรวจก่อนหน้านี้หรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า ไม่มีเวลาไปจับกุม เพราะจะกวดขันในการใช้ช่อดอกมาแปรรูปเพื่อเสพ โดยการตักเตือนเฝ้าระวัง ส่วนการส่งหนังสือถึงตำรวจนั้นก็ชัดเจนว่า ตำรวจจะต้องไปดำเนินการเมื่อได้รับการร้องขอจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญา ฯ ซึ่งจะเป็น นพ.สสจ. และอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ และผู้ทรงคุณวุฒิของกรมระดับ 8-9 อีกราว 10 คน

การสื่อสารมีความชัดเจนว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรอการประสานจากพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ช่วยดำเนินการ ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า มีการจำหน่ายกัญชาที่เป็นสิ่งของเฉพาะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ตัวกฎหมายจึงออกแบบมาว่า จะต้องอาศัยพนักงานเจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญระบุว่า เป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจใช้ดุลยพินิจส่วนนี้ไม่ครบถ้วนทางกฎหมาย ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องได้รับการประสานร้องขอ

เมื่อถามต่อว่าประกาศปรับปรุงเป็นการควบคุมเฉพาะช่อดอก แล้วผู้ประกอบการจะนำมาจำหน่ายได้หรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า สำหรับช่อดอกที่ปริมาณมากวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่าย ต้องขออนุญาตตามขั้นตอน โดยผู้จำหน่ายจะต้องมีคุณสมบัติที่กำหนด โดยเป็นรายละเอียดที่ต้องหารือกัน

ซึ่งจะมีการออกแบบการขออนุญาต ให้สะดวกกับประชาชนมากที่สุด โดยจะเปิดฟังความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ ให้ได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง