"สมชาย วงศ์สวัสดิ์" โล่งอก ! ศาลฯ สั่งเพิกถอนคำร้องพ้นปลัดฯ แรงงานปี 52

การเมือง
14 ก.ย. 65
18:03
1,784
Logo Thai PBS
"สมชาย วงศ์สวัสดิ์" โล่งอก ! ศาลฯ สั่งเพิกถอนคำร้องพ้นปลัดฯ แรงงานปี 52
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เฮ ! ศาลปกครองสูงสุด สั่งเพิกถอนมติไล่ออกจากราชการ สมัยนั่งปลัด ก.แรงงาน ชี้ ป.ป.ช.ใช้อำนาจโดยมิชอบ เจ้าตัวสุดดีใจสู้ 20 ปี เพิ่งได้รับความยุติธรรมคืน ขณะที่ "นายธาริต" โผล่ให้กำลังใจที่ศาลด้วย

วันนี้ (14 ก.ย.2565) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา เพิกถอนคำสั่งกระทรวงแรงงานที่ 39/2552 ลงวันที่ 21 ม.ค. 2552 ที่ลงโทษปลดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในขณะนั้นออกจากราชการ รวมทั้งเพิกถอนมติการประชุม อ.ก.พ. กระทรวงแรงงาน ครั้งที่ 9/2551 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2551 เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เรื่องดำ 5210006 เรื่องแดงที่ 0012155 และเพิกถอนมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 61/2551 ลงวันที่ 16 ต.ค.2551 ที่ลงมติว่านายสมชายกระทำผิด

คดีนี้นายสมชาย ยื่นฟ้อง กระทรวงแรงงาน , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน , คณะอนุกรรมการสามัญประจำกระทรวงแรงงาน (อ.ก.พ. กระทรวงแรงงาน) , คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-5 กรณีกระทรวงแรงงานมีคำสั่งที่ 39/2552 ลงวันที่ 21 ม.ค.2552 ลงโทษปลดนายสมชายออกจากราชการ

โดยอ้างว่าเหตุปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จากเหตุขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมพิจารณาสั่งระงับเรื่องไม่ดำเนินคดีกับ นายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี ที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม 70 ล้านบาท จากการขายทอดตลาดที่ดินของศาลจังหวัดธัญบุรี ทั้งที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่าการคืนเงินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ทางราชการเสียหาย

ส่วนที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนให้เหตุผลว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตบัญญัติว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ไต่สวนและวินิจฉัยเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมเท่านั้น ไม่รวมถึงการกระทำความผิดฐานประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นความผิดทางวินัยตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2535

อีกทั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มิใช่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเป็นกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ การที่ ป.ป.ช.ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 ชี้มูลว่านายสมชาย กระทำความผิดฐานประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงจึงไม่มีอำนาจกระทำได้

เมื่อ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลความผิดของนายสมชาย ดังนั้นมติของ ป.ป.ช.ในการประชุมครั้งที่ 61/2551 ลงวันที่ 16 ต.ค.2551 จึงมิชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลผูกพันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่จะถือเอารายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและความเห็นของ ป.ป.ช. มาเป็นสำนวนสอบสวนทางวินัย ของคณะกรรมการสอบสวนวินัย ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542

หากแต่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนนายสมชาย ตามที่ ป.ป.ช.มีมติว่ากระทำความผิดถามประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เพื่อให้นายสมชาย เป็นผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาและมีโอกาสชี้แจงและมีโอกาสชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาตามขั้นตอน

แต่เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีคำสั่งกระทรวงแรงงานลงโทษปลดนายสมชาย ออกจากราชการ ตามมติ ป.ป.ช. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง คำสั่งทางวินัยดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เพราะมิได้ดำเนินการตามขั้นตอนวิธีการที่เป็นสาระสำคัญในการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่ข้าราชการพลเรือน ตามมาตรา 102 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2535 จึงย่อมมีผลทำให้การที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของนายสมชาย ด้วยเหตุเดียวกันไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงแรงงาน และคำสั่งอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่คำสั่ง และคำวินิจฉัยดังกล่าวมีผลบังคับ

โดยนายสมชาย กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษา ว่า วันนี้ได้รับความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุดว่า ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจในการไต่สวนเลย และให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงแรงงานที่สั่งให้ตนออกจากราชการ ซึ่งดีใจมากเพราะเป็นข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตมาโดยตลอด ไม่เคยมีเรื่องด่างพล้อยอะไรเลย แต่ชื่อเสียงต้องมาเสียไปตลอดมา 20 ปี กับเรื่องที่ไม่สมควร วันนี้จึงถือว่าได้รับยุติธรรมกลับคืนมา ได้กลับมาเป็นข้าราชการที่บริสุทธิ์

"ผมเป็นคนที่อะไรสามารถให้อภัยได้ก็ให้อภัย ไม่ได้มีความรู้สึกอาฆาตมาตร้าย แต่คดีนี้ทำให้ผมซึ่งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมซึ่งถือว่าเป็นผู้นำด้านความยุติธรรม ต้องตกมาเป็นผู้ที่ถูกไล่ออก เพราะถูก ป.ป.ช.ชี้ว่าผิดวินัยร้ายแรง ประมาทเลินเล่อ ซึ่งถือว่าร้ายแรงที่สุดของคนที่เป็นข้าราชการ แต่วันนี้ถือว่าได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา ซึ่งขอดูคำพิพากษาก่อนว่าจะสามารถพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยความเสียหายได้อย่างไร" 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลปกครองในวันนี้ของนายสมชาย มีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมเดินทางมารับฟังด้วย

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 5 ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต และพวก ในคดีร่วมกันกระทำความผิดฉันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา จากการทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ กับพวก ในข้อหาสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยธาริต ไม่ได้ไปศาล โดยอ้างว่าติดโควิด-19

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง