ร้องแบงก์ "ยึดบ้านผิดหลัง" รื้อทำลายทรัพย์สินเกลี้ยง

สังคม
3 ต.ค. 65
16:43
1,300
Logo Thai PBS
ร้องแบงก์ "ยึดบ้านผิดหลัง" รื้อทำลายทรัพย์สินเกลี้ยง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เจ้าของบ้านร้องทนายรณรงค์หลังธนาคารยึดบ้านผิดหลัง ติดประกาศห้ามบุกรุก ทรัพย์สินมีค่าถูกขนย้ายออกหมด

วันนี้ (3 ต.ค.2565) นายสมเกียรติ และนางกาญจนา สร้อยสน สองสามีภรรยาเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลังพบว่า บ้านของตนที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ถูกเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่ง นำคนบุกเข้ามายึดบ้านแต่เป็นการยึดผิดหลัง

บ้านหลังที่ถูกยึดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องใด ๆ ที่สำคัญทรัพย์สินภายในบ้าน ถูกนำไปทำลายทิ้งหลายรายการ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งจนเหี้ยน จึงนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ มาร้องเรียนให้ทนายช่วยเหลือ

 

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ใน จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่บ้านโล่ง ๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปไม่เหลือ และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก

ก่อนที่เพื่อนบ้านจะเห็นป้ายประกาศขายจึงติดต่อทางธนาคารไปเพื่อจะขอซื้อจึงทราบว่าในประกาศเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ทางเพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องนี้กับตน เพื่อถามว่า "จะขายบ้านหรือ เห็นคนมารื้อบ้าน รีโนเวท และติดป้ายของธนาคาร"

ตนจึงตอบไปว่า ไม่ได้ขายบ้าน แต่เพื่อนบ้านก็ยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้ามารื้อบ้านจริง พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจมาก จึงรีบเดินทางมาดูก็พบว่าข้าวของเครื่องใช้ ต้นไม้ถูกเก็บทิ้งทำลายหมด ประตูบ้านก็ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจของธนาคาร จึงได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว

 

หลังจากนั้นจึงเดินทางไปแจ้งเรื่องยึดบ้านผิดหลังที่ธนาคาร ทางธนาคารจึงให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาขอโทษและยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของธนาคารที่เข้ามายึดบ้านผิดหลัง โดยทางธนาคารได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงค่าเสียหาย 

ตนกับสามีจึงได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่ทางธนาคารปฎิเสธ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด โดยทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ และของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว

จึงตัดสินใจมาปรึกษาทนายความ เพราะหลังเกิดเหตุการณ์กว่า 1 เดือน ตนกับสามีต้องเป็นคนคอยติดต่อทางธนาคารไปเองว่า จะมีการดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร ทางธนาคารก็บอกเพียงแต่ว่า กำลังรวบรวมทรัพย์สินที่ทำลายไป แต่ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร

นางกาญจนา มองว่าไม่มีความกระตือรือร้น หรือใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย ทั้งที่บ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้อง ไม่ได้มีคดีและไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางธนาคารเลยแต่กลับไม่มีความชัดเจน

 

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม กล่าวว่า ตามพยานหลักฐานที่มีพบว่าทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหา คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์และหมิ่นประมาท โดยวันนี้จะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม

นี่ถือเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ของคนที่มีบ้าน แล้วไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของบ้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง