กางปฏิทินจีน ความเป็นไปได้ผ่อนปรน Zero Covid

ต่างประเทศ
14 ต.ค. 65
08:04
469
Logo Thai PBS
กางปฏิทินจีน ความเป็นไปได้ผ่อนปรน Zero Covid
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
จีนกำลังเผชิญหน้ากับเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ต้องจับตามองว่า 1 ใน คณะกรรมการกรมการเมือง ผู้ซึ่งจะได้กุมบังเหียนด้านเศรษฐกิจ จะดำเนินแผนเศรษฐกิจของจีนต่อไปอย่างไร

เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่า “จีน” ยังใช้มาตรการควบคุมการจำกัดโรคโควิด-19 โดยนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero covid อย่างเข้มงวด ซึ่งถือว่ารัฐบาลจีนทำผลงานในด้านการควบคุมโรคได้ดีตลอดระยะเวลา 3 ปีที่โควิด-19 ระบาด แต่ในด้านเศรษฐกิจ ภาคการลงทุน การเงิน การธนาคาร หรือแม้กระทั่งอสังหาริมทรัพย์ของจีนก็ถูกควบคุมไปโดยปริยายเช่นกัน

ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกูล ผู้เชี่ยวชาญจีนอิสระ ให้ข้อคิดเห็นว่า ตึกจำนวนมากจากหลายโครงการที่อยู่อาศัยในจีน ต้องถูกปล่อยให้ร้าง หรือสร้างไม่เสร็จ ตลอดระยะเวลาที่จีนประกาศใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ช่วงแรกโครงการต่างๆ อ้างว่า ก่อสร้างไม่สำเร็จเพราะการระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลายๆ บริษัทเริ่มยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอให้ประกาศล้มละลาย

ทางด้านประชาชนจีนส่วนใหญ่ในขณะนี้ ก็เลือกจะเก็บเงินสดไว้กับตัว และประหยัดมากขึ้น หลายคนไม่กล้าลงทุนในหุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ใดๆ ทั้งสิ้น นักศึกษาจบใหม่ รวมถึง ประชาชนหลายคนก็ตกงาน ขาดรายได้เป็นจำนวนมาก

สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนปัญหาด้านเศรษฐกิจภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์มาก

และถือเป็นโจทย์ใหญ่ในการประชุมสมัชชาฯ จีน ครั้งที่ 20 ที่จะเปิดฉากในวันที่ 16 ต.ค. นี้ด้วย ว่าสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน 1 ในคณะกรรมการกรมการเมือง กลุ่มผู้กุมอำนาจสูงสุด คนใดที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจของจีน

เมื่อกางปฏิทินการนัดประชุมองค์กรต่างๆ ในต่างประเทศ ของเหล่าผู้นำจีน และเทศกาลต่างๆ พบว่า

8-13 พ.ค. นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เดินทางไปกัมพูชา เพื่อร่วมประชุม ASEAN SUMMIT
15-16 พ.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อร่วมประชุม G20
18-19 พ.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางมาไทย เพื่อร่วมประชุม APEC
เดือนธันวาคม เทศกาลคริสต์มาส วันสิ้นปี
เดือนมกราคม วันปีใหม่ และ วันตรุษจีน

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ให้ข้อสังเกตว่า เนื่องด้วยปฏิทินการเดินทางของทั้งผู้นำจีนและประชาชนเองเป็นเช่นนี้ ความหวังว่า หลังจากประชุมสมัชชาฯ จีน เสร็จสิ้นแล้ว

นโยบายโควิดเป็นศูนย์จะถูกยกเลิกไปนั้น ยังเป็นไปได้ยาก

การเดินทางออกจากจีนยังเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าจะเดินทางกลับเข้าจีนนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ในขณะนี้ มาตรการการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาในจีน

ทุกคนยังต้องกักตัวที่บ้านอย่างน้อย 7 วัน และหากต้องเดินทางไปอีกเมือง ก็ต้องกักตัวเพิ่มอีก 3 วัน 

ดังนั้น นี่จึงเป็นบททดสอบแรกของผู้นำทางเศรษฐกิจของจีน ที่จะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เพื่อเปิดทางให้ภาคเศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าต่อไปให้ได้

แต่ถ้าจะให้จีนยกเลิกนโยบายไปเลย ก็คงจะไม่เหมาะสมในขณะนี้ เพราะการประชุมสมัชชาฯ จีน ครั้งนี้ สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญกับการประชุมแบบปิด โดยสั่งการให้สมาชิกพรรคทุกคนอยู่ในบริเวณที่จัดการประชุม ห้ามออกไปด้านนอกเด็ดขาด และหากพบว่าใครคนใดคนหนึ่งติดโควิด-19 คนที่อยู่รอบข้างจะต้องถูกติดตามตัวและกักตัวพร้อมกับผู้ติดเชื้อทันที

ดังนั้น อ.ปิติ ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ถ้าจะมองถึงการยกเลิกนโยบายนี้ คงต้องเริ่มต้นที่หลังวันตรุษจีนปีหน้า คือช่วงปลายเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป

ส่วนในขณะนี้ คาดการณ์ว่า จีนอาจจะค่อยๆ ผ่อนปรนมาตรการลงเรื่อยๆ เช่น ในขณะนี้ บริเวณชายแดนจีนที่ติดกับลาว หรือ เมียนมา ก็ลดวันกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจีนแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดีกับประเทศไทยเช่นกัน เพราะไทยในขณะนี้ก็ยังถือว่า ยังไม่ได้พร้อมสมบูรณ์แบบที่จะรับนักท่องเที่ยวจากจีนจำนวนมาก และในแง่ธุรกิจ ก็ยังไม่พร้อมให้จีนกลับมาลงทุนได้เต็มร้อยเช่นกัน

หลังการประชุมสมัชชาฯ จีน เสร็จลุล่วงไปแล้ว หากมีการผ่อนปรนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ก็ดูจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคเศรษฐกิจของจีนภายในประเทศ และภาคการส่งออก นำเข้า ท่องเที่ยว นอกประเทศ รวมถึงไทยด้วยเช่นกัน

ที่มา : South China Morning Post, Wikipedia, BBC

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง