ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อาการที่ต่างกัน ระหว่าง โรคอีโบลา-ไข้เลือดออก

สังคม
16:07
3,192
อาการที่ต่างกัน ระหว่าง โรคอีโบลา-ไข้เลือดออก
"โรคอีโบลา" จัดอยู่ในกลุ่มโรคเดียวกันกับ "โรคไข้เลือดออก" เนื่องจากมีอาการที่คล้ายคลึงกัน แม้สถานการณ์การระบาดของ อีโบลา ในไทยอยู่ในอัตราต่ำ แต่การเรียนรู้เพื่อการป้องกัน การดูแลตัวเองยังคงเป็นสิ่งจำเป็น

อีโบลา (Ebola) หรือ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา

เป็นโรคติดต่ออันตรายของประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีความรุนแรงและอันตรายถึงชีวิต เกิดจากเชื้อไวรัส อีโบลา (Ebola virus) พบการระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในแอฟริกากลาง เมื่อได้รับเชื้อไวรัสนี้เข้าสู่ร่างกาย ไวรัสก็จะสร้างความเสียหายแก่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและอวัยวะที่สำคัญต่าง นำไปสู่ภาวะเลือดออกที่รุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้

ไข้เลือดออก (Dengue Fever) 

เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue) แพร่สู่ร่างกายคนจากการกัดของยุงลายตัวเมีย ไข้เลือดออกเป็นหนึ่งในโรคที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นโรคที่ควรเฝ้าระวัง ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อจะมีไข้สูง มีอาการป่วยรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา

 

อาการ

  • อีโบลา แสดงอาการตั้งแต่วันที่ 2 หลังจากได้รับเชื้อไปจนถึงวันที่ 21 อาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้
         - มีไข้สูง เจ็บคอ ปวดศีรษะ
         - ปวดเมื่อยข้อต่อและกล้ามเนื้อ
         - ร่างกายอ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างรุนแรง
         - ไม่อยากอาหาร ปวดท้อง
    เมื่อเวลาผ่านไป อาการมีความรุนแรงมากขึ้น เกิดเลือดออกในร่างกาย ทางตา หู จมูก ผู้ป่วยบางรายอาจอาเจียนหรือไอออกมาเป็นเลือด ท้องร่วงเป็นเลือด 

  • ไข้เลือดออก มีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะแสดงอาการที่รุนแรงกว่า เช่น
         - มีไข้สูงมาก ปวดศีรษะมาก
         - ปวดเมื่อยข้อต่อและกล้ามเนื้อทั่วลำตัว
         - มีผื่นแดงหรือจ้ำเลือดใต้ผิวหนังทั่วตัว
         - คลื่นไส้อาเจียน
    อาจพบหรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น มีเลือดออกตามเนื้อเยื่อในร่างกาย ในรายที่ร่างกายอ่อนแอและมีภูมิคุ้มกันต่ำลง 

การติดต่อ

  • อีโบลา แพร่จากการสัมผัสผิวหรือสารคัดหลั่งของสัตว์ที่มีเชื้ออยู่แล้ว เช่น ลิง ลิงชิมแปนซี หรือค้างคาว และสามารถติดต่อกันจากคนสู่คนได้ด้วยการสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือสารคัดหลั่ง

  • ไข้เลือดออก เกิดจากยุงลายเพศเมีย ดูดเลือดของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่ จากนั้นไวรัสเดงกี่จะเติบโตภายในท้องของยุงลาย เมื่อยุงลายไปกัดคนอื่น เชื้อไวรัสนี้ก็จะแพร่เข้าสู่ร่างกายผู้ที่ถูกกัดไปด้วย

การรักษา

  • อีโบลา ยังไม่มียารักษา การรักษาเป็นการประคับประคองหรือควบคุมอาการ และโรคนี้เป็นโรคที่มีความรุนแรงมาก ต้องทำการรักษาในโรงพยาบาลและต้องมีการแยกผู้ป่วยเพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดของโรค 

  • ไข้เลือดออก ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เป็นเพียงการรักษาประคับประคองตามอาการอย่างใกล้ชิด
     

ภาวะแทรกซ้อน

  • อีโบลา การติดเชื้อไวรัสอีโบลา มีโอกาสที่จะเสียชีวิตถึงร้อยละ 90 ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะที่สำคัญในร่างกายล้มเหลว เช่น มีเลือดออกอย่างรุนแรง เพ้อ ชัก จนกระทั่งขาดสติ

  • ไข้เลือดออก สามารถพัฒนาความรุนแรงไปสู่ภาวะโรคไข้เลือดออกเดงกี่ ซึ่งจะทำให้มีไข้สูงขึ้น อาการปวดหัวรุนแรงขึ้น ภาวะเลือดออกตามเนื้อเยื่อและอวัยวะภายใน นำไปสู่การช็อกที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

การป้องกัน

  • อีโบลา ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถใช้ป้องกันไวรัสอีโบลาได้ แต่ปัจจุบันมีการค้นคว้าวิจัยวัคซีนป้องกันอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางป้องกันที่ดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อ 

  • ไข้เลือดออก ในประเทศไทย วัคซีนที่ช่วยป้องกันโรคไข้เลือดออกยังอยู่ในกระบวนการค้นคว้าทดลองอยู่ ดังนั้น วิธีการป้องกันจึงเน้นไปยังวิธีการกำจัดยุงลายที่เป็นพาหะนำโรค และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดโรคด้วยการดูแลตัวเอง

อ่านข่าวต่อ : สธ.คุมเข้มป้องกัน "อีโบลา" ผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกา

ที่มา : Pobpad

แท็กที่เกี่ยวข้อง: