"ไตรศุลี" ทายาทนักการเมืองท้องถิ่น สู่ "รองโฆษกรัฐบาล"

การเมือง
26 ต.ค. 65
11:34
1,431
Logo Thai PBS
"ไตรศุลี" ทายาทนักการเมืองท้องถิ่น สู่ "รองโฆษกรัฐบาล"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ไตรศุลี" ทายาทนักการเมืองที่เข้าสู่แวดวงการเมืองระดับชาติในฐานะรองโฆษกรัฐบาล ที่พร้อมเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และอนาคตทางการเมืองอยากทำในท้องถิ่นและเริ่มต้นในฐานะ ส.ส.

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการมุมการเมือง โดยบอกเล่าถึง จุดเริ่มต้นในการทำงานด้านการเมือง ที่เริ่มงานครั้งแรกก็มาทำงานการเมืองในระดับชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอุปสรรคแต่ก็ท้าทายให้พัฒนาตนเองและทำงานในอนาคตต่อไป ดังนี้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครอบครัวของตนเองทำงานการเมืองมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในฐานะสมาชิกสภาจังหวัด รวมถึงคุณลุงที่เป็นอดีต ส.ส. รวมถึงคุณพ่อ นายวิชิต ไตรสรณกุล ก็ทำงานท้องถิ่นในฐานะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งคนในตระกูลคุณพ่อ 5-6 คน อยู่ในแวดวงการเมืองทั้งหมด

ฉะนั้นจึงแทบแยกไม่ออกแล้วระหว่างชีวิตที่ทำงานการเมืองกับไม่ทำงานการเมืองเป็นอย่างไร เพราะโตมากับการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะไม่ต้องเรียนรู้เลยเพราะอยู่กับมันมาตลอด

วันแรกที่เข้ามาทำงานการเมือง ในตำแหน่งรองโฆษก รัฐบาล ตื่นเต้นมาก ไม่กล้าพูด ไม่กล้าออกทีวี จนวันหนึ่งคุณลุงที่เป็นหัวคะแนนก็มาหาที่บ้าน ก็เข้ามากอดแล้วบอกว่า รู้มั้ยว่า ทุกครั้งที่เห็นกวางออกทีวีก็จะเรียกทุกคนมาดู ซึ่งดีใจแทนกวางมากที่มาอยู่ตรงนี้ ซึ่งก็เป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำงานต่อไป

น.ส.ไตรศุลี ยังกล่าวว่า แต่ก่อนงานการเมือง คุณพ่อจะจัดการให้หมด แต่พอมาเป็นตัวเองที่มาทำงานการเมืองระดับชาติ ไม่สามารถให้ใครมาช่วยเหลือเราได้ ต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง หากมาอยู่ตรงนี้แล้วไม่เก่งพอ ไม่พัฒนาตัวเองก็จะอายคนอื่น ซึ่งในการทำงานการเมือง ทางบ้านก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี

วันแรกที่ประกาศแถลงข่าวก็ถูกว่าทั้งโคตรตระกูล รู้สึกว่าทำไมถึงต้องมาว่าฉันขนาดนี้เพียงแค่พูดในสิ่งที่รัฐบาลทำ ซึ่งวันนั้นเป็นการพูดเรื่องวันหยุด ที่ช่วงนั้นมีโควิดพอดี ก็บอกว่าห้ามหยุดนะเพราะช่วงสงกรานต์นั้นโควิดระบาด ซึ่งใช้คำพูดค่อนข้างแรง แต่ตอนนี้ก็พยายามเรียนรู้ และพยายามทำความเข้าใจ

ขณะที่อนาคตทางการเมืองก็พยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด ซึ่งอนาคตก็คงหนีงานทางด้านการเมืองไม่พ้น แต่งานที่ชอบจริง ๆ อาจอยู่ที่ต่างจังหวัดมากกว่า เช่น เป็น นายกฯอบต. นายกเทศมนตรี เนื่องจากสิ่งที่อยากทำในท้องถิ่น เนื่องจากสามารถจัดการให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ง่าย เช่น การเปลี่ยนแปลงในพื้นที่สเกลเล็ก ๆ ก่อนที่จะขึ้นมาในระดับประเทศ อยากลองทดสอบตัวเองก่อน

อย่างไรก็ตาม หากเป็นการเมืองระดับชาติ ก็อาจจะเริ่มต้นจากการเป็น ส.ส.ก่อน และในอนาคตค่อยว่ากันว่าจะไปในทิศทางไหน ต้นแบบทางการเมือง ก็คือ คุณพ่อ ที่เกิดมาก็อยู่ในแวดวงการเมือง และสิ่งที่ท่านทำเช่น การคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ การเสียสละ อดทน ซึ่งตอนเด็กส่วนตัวไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนั้นเสมอเช่น การเสียสละให้ผู้อื่นก่อน แต่ต่อมาก็เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมคุณพ่อจึงทำเช่นนั้น

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง