วันนี้ (21 พ.ย. 2565) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบนายตู้ห่าว นายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทาในประเทศไทย เพื่อตรวจสอบเส้นทางการการเงิน และขบวนการการฟอกเงิน ข้อมูลกลุ่มนอมินี รวมถึงการครอบครองทรัพย์สิน มูลค่าเป็น 1,000 ล้าน
ขณะเดียวกันมีการตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดทางตำรวจยังไม่มีการขอหมายเรียกและหมายจับ และพบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จึงเดินทางมายื่นหนังสือให้ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ช่วยตรวจสอบและรับเป็นคดีพิเศษ โดยเชื่อกระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ มีความโปร่งใส
ส่วนที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล จะมายื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบการเสียภาษีธุรกิจอาบอบนวดของนายชูวิทย์
ในช่วงบ่ายวันนี้ ทางนายชูวิทย์ เปิดเผยว่า ไม่กลัวและยินดีที่จะให้ตรวจสอบ เพราะธุรกิจอาบอบนวดของตัวเองนั้นได้ขายไปหมดแล้ว และไม่รู้ว่าจะอยากตรวจสอบไปทำไม
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ เตรียมเดินทางไปศาลอาญา ในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ย. 2565) ฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ข้อหากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และฟ้องแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหาย จำนวน 100 ล้านบาท
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เบื้องต้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมข้อมูลว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พิจารณาตามเงื่อนไขว่า มีการฟอกเงิน การประกอบธุรกิจในบุคคลต่างด้าว การประมูลงานของรัฐ กับกลุ่มนายทุนจีน ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการแสวงหาหลักฐาน และเปิดโอกาสให้นายชูวิทย์ สามารถร้องขอการคุ้มครองพยานได้หากต้องการ