จีนประท้วงขับไล่ผู้นำปมโควิด-19

ต่างประเทศ
28 พ.ย. 65
06:58
584
Logo Thai PBS
จีนประท้วงขับไล่ผู้นำปมโควิด-19
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โควิด-19 ในจีนนั้น นอกจากจะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดติดต่อกันหลายวัน จนทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงสถานการณ์ด้านสาธารณสุข ตอนนี้ ยังกลายเป็นประเด็นทางสังคมและการเมือง เมื่อในที่สุดชาวจีนจำนวนไม่น้อยลุกฮือต่อต้านมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาล

การประท้วงเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ จากเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ กระทั่งลุกลามเข้าสู่เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ และเมืองหลวงอย่างปักกิ่งในที่สุด นับเป็นท่าทีต่อต้านรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ที่ สี จิ้นผิง ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเมื่อ 10 ปีก่อน

ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.2565 ตำรวจจีนฉุดกระชากผู้ชุมนุมไปตามท้องถนน ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ระหว่างการประท้วงต่อต้านมาตรการโควิด-19 ในนครเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังมีภาพการกระทบกระทั่งกันระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม ท่ามกลางการควบคุมตัวผู้ชุมนุมบางส่วนไปขึ้นรถ

ภาพความวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้น หลังจากประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวกันเคลื่อนไหวคัดค้านทางการจีน หลังจากการประท้วงปะทุขึ้นในหลายเมือง มีรายงานการประท้วงทั้งในเชิงตู ซีอาน และอู่ฮั่น จุดเริ่มต้นการระบาดของโควิด-19 เมื่อ 3 ปีก่อน

ก่อนหน้านี้ ช่วงคืนวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมาที่นครเซี่ยงไฮ้ มีการเคลื่อนกำลังพลของตำรวจจำนวนมากเพื่อตั้งแนวกั้น ท่ามกลางการเดินขบวนประท้วงของประชาชนตามท้องถนน ในขณะที่ชาวจีนในกรุงปักกิ่งพากันชูกระดาษเปล่าสีขาว พร้อมตะโกนข้อความเรียกร้องเสรีภาพและต่อต้านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 บางส่วนตะโกนว่า

ไม่ต้องการคำโกหก ต้องการศักดิ์ศรี ไม่ต้องการการปฏิวัติวัฒนธรรม แต่ต้องการการปฏิรูป เราไม่ต้องการผู้นำ ต้องการออกเสียง ไม่ต้องการเป็นทาส อยากเป็นประชาชน

ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ประท้วงบางส่วนถึงกับกล้าเรียกร้องให้ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ลาออกจากตำแหน่ง และจากการประเมินน่าจะมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน มีการใช้กระดาษที่ว่างเปล่าเป็นสัญลักษณ์ในการประท้วงของชาวจีน สะท้อนถึงความไม่พอใจ และการตระหนักถึงการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี

นอกจากนั้นแล้ว สำนักข่าว AFP รายงานว่า สถานีโทรทัศน์ CCTV Sports ของทางการจีนที่ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กาตาร์เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.2565) ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างญี่ปุ่นกับคอสตาริกา รอบแบ่งกลุ่ม ปรากฏว่าทางสถานีตัดภาพการถ่ายทอดสดบางส่วน ที่กล้องซูมไปยังผู้ชมที่ไม่สวมหน้ากากในระยะใกล้ ไม่ให้ออกอากาศ และเลือกใช้ภาพผู้เล่น เจ้าหน้าที่ หรือตัวสนามออกอากาศแทน โดยเป็นการเปรียบเทียบภาพเกมการแข่งขันที่ถ่ายทอดทาง CCTV Sports เทียบกับการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ของจีน ที่มีภาพช็อตผู้ชมให้เห็นมากกว่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก ตั้งแต่นัดเปิดสนาม 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ภาพของผู้ชมที่อัดแน่นเต็มอัฒจันทร์และไม่สวมหน้ากาก อาจจะเรียกได้ว่าทำให้ชาวจีนตระหนักถึงความแตกต่างอย่างสุดขั้วในวิถีชีวิตปัจจุบันของพวกเขา กับความเป็นอยู่ของชาวโลก

การประท้วงที่แผ่ขยายไปแล้วอย่างน้อย 8 เมืองทั่วประเทศ เปิดฉากขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยประชาชนในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ รวมตัวกันเดินขบวนไปตามท้องถนน พร้อมตะโกนข้อความเรียกร้องให้ทางการยกเลิกมาตรการปิดเมืองควบคุมโควิด-19 โดยมีรายงานว่าการประท้วงนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

บางจุดมีประชาชนโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ที่แต่งกายด้วยชุดป้องกันโรค จากปกติที่ภาพการลุกฮือประท้วงมักมีให้เห็นไม่บ่อยนักในจีน ที่ควบคุมการต่อต้านทางการอย่างเข้มงวด ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจมาตรการควบคุมโรคที่ยังเข้มงวดสวนทางกับทั่วโลก ซึ่งเริ่มทยอยเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองช่วงปลายปีอย่างปราศจากการควบคุมโควิด-19

การประท้วงที่ปะทุขึ้นในอุรุมชี มีฉนวนเหตุมาจากเหตุเพลิงไหม้อาคารพักอาศัย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บอีก 9 คน โดยประชาชนในซินเจียงลุกฮือขึ้นด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดด้วยการปิดพื้นที่บางส่วนของอาคาร ส่งผลให้ผู้ประสบภัยไม่สามารถหลบหนีออกจากอาคารที่พักอาศัยได้ทันเวลา และทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าช่วยเหลือได้ล่าช้า แม้ว่าสถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีน ชี้แจงว่าอาคารแห่งนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการคุมโควิด-19 และยืนยันว่าทุกคนสามารถออกมาจากอาคารได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังทำให้มีชาวจีนทั้งในนานจิงและอีกหลายเมือง ออกมาร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตและขอให้พวกเขาไปสู่สุขคติ โดยมีรายงานว่าในอุรุมชี ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 4 ล้านคน มีคนจำนวนหนึ่งอยู่ภายใต้มาตรการปิดเมืองมานานถึง 100 วัน

สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดระลอกใหม่ในจีน ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 นับตั้งแต่เริ่มพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อเกือบ 3 ปีก่อน

โดยวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียว 39,791 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นกลุ่มที่แสดงอาการ 3,709 คน และไม่แสดงอาการอีก 36,082 คน โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน

สภาวะนี้สร้างความกังวลอย่างยิ่งเมื่อนำมาประกอบกับการพบผู้เสียชีวิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. แม้จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลักหน่วย แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่านี่อาจสะท้อนได้ว่า รพ.ในจีนไม่ได้มีความพร้อมรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข มองว่า การมุ่งเน้นเฉพาะการควบคุมโรคของจีน ตามมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ทำให้ทรัพยากรที่จะนำไปใช้ในการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนและเพิ่มเตียงผู้ป่วยวิกฤตร่อยหรอลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่กว่า 2 ปีก่อน อีกทั้งมาตรการโควิดเป็นศูนย์ที่เน้นกักบริเวณประชากร ยังทำให้คนจำนวนมากของประชากรจีนกว่า 1,400 ล้านคน อาจจะแทบไม่เคยสัมผัสเชื้อ เท่ากับไม่มีภูมิคุ้มกัน ซ้ำร้ายจีนยังคงใช้วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นจากไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม สวนทางกับต่างประเทศที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกต่างหันไปอัปเดตวัคซีนรับมือสายพันธุ์ใหม่กันหมดแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญยังประเมินด้วยว่า ด้วยสภาวะเหล่านี้ ต่อให้นำวัคซีนเข็มกระตุ้น mRNA มาใช้ ก็จะยังไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานของจีนได้ ต่อเมื่อจีนยังคงไม่ยอมรับการสร้างภูมิคุ้มกัน ผ่านการปล่อยให้เกิดการสัมผัสเชื้อตามธรรมชาติด้วยการปล่อยให้เกิดการระบาดในชุมชนได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป้าหมายของทางการจีนยังคงมุ่งมั่นกำจัดการแพร่เชื้อโดยสิ้นเชิง แทนที่จะเน้นการดูแลรักษาและบรรเทาอาการของผู้ป่วย

การประเมินโดย Bloomberg Intelligence ระบุว่า หากจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคทั้งหมด อาจทำให้มีชาวจีนกว่า 5.8 ล้านคน ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน ICU ในระบบสาธารณสุขที่มีเตียง ICU เพียง 4 เตียงต่อจำนวนประชากร 100,000 คน

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง