DSI ปูพรม 41 จุดลอบใช้ไฟหลวงขุดบิตคอยน์รัฐสูญ 500 ล้าน

อาชญากรรม
30 พ.ย. 65
12:06
2,165
Logo Thai PBS
DSI ปูพรม 41 จุดลอบใช้ไฟหลวงขุดบิตคอยน์รัฐสูญ 500 ล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
DSI เปิดยุทธการสายฟ้าฟาด ปูพรมตรวจค้น 41 จุด ค้นพื้นที่กทม.-ปริมณฑล พบเป็นนายทุนคนเดียวกันลักลอบใช้ไฟหลวงทำเหมืองขุดบิตคอยต์จ่ายค่าไฟแค่แค่ 300-2,000 บาทจากยอดจริง 500,000 บาททำให้รัฐสูญรายได้ 500 ล้านบาท

วันนี้ (30 พ.ย.2565) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สนธิกำลังหลายหน่วยงาน เปิดยุทธการสายฟ้าฟาด หรือปฏิบัติการ Electrical Shock ปูพรมตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล 41 จุดในพื้นที่ จ.นนทบุรีและกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท

ปฏิบัติการดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องเรียน การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี มีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิตคอยน์โดยผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิตคอยน์มาจากต่างประเทศ และมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย

ทางดีเอสไอ มอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสืบสวนประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร จนพบจุดต้องสงสัยมากกระจายตัวในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล

การทำเหมืองขุดบิตคอยน์จะใช้กระแสไฟฟ้าเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรง โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ เป็นการลักกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด

เปิดอาคารพาณิชย์ลักไฟหลวงขุดบิตคอยด์

กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้ดำเนินการสืบสวนจนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ในพื้นที่กทม.-ปริมณฑลกว่า 41 แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล

โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ 100 เครื่อง มีการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก

จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละ 300-2,000 บาท ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 300 ล้านบาท

ทั้งนี้ ดีเอสไอ ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญา เพื่อเข้าค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัย จำนวน 41 แห่ง เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการลักไฟฟ้า เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา และร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า 2,000 ตัว มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท ไว้เพื่อตรวจสอบ

รวมทั้งตรวจสอบกับกรมศุลกากรว่ามีการนำเข้าราชอาณาจักรไทย โดยผ่านพิธีการทางศุลกากร โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษก็จะได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนต่อไป

ขยายผลทั่วประเทศ-โยงจนท.รู้เห็นหรือไม่ 

นอกจากนี้จากการสืบสวนขยายผล ยังพบว่าปัจจุบันมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อทำเหมืองขุดเงินดิจิทัลจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการนำเข้าเครื่องขุดเงินดิจิทัลมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน มาติดตั้งในอาคารพาณิชย์ที่มีค่าเช่าในราคาไม่สูงนัก

จากนั้นจะทำลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการขุดเงินสกุลดิจิทัล แล้วปล่อยให้เครื่องขุด เปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีผู้พักอาศัยในอาคารดังกล่าวแต่อย่างใด 

โดยดีเอสไอ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของอาคารพาณิชย์ หรือผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารพาณิชย์ต่างๆ ให้ช่วยกันสังเกตบริเวณโดยรอบ หากพบสถานที่ต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง